×

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รื้อเกณฑ์ครั้งใหญ่ คุมเข้ม ‘ขายชอร์ต-ลากหุ้น’

26.04.2024
  • LOADING...
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ท่ามกลางความผันผวนของภาวะตลาดหุ้นโลก ซึ่งส่งผลต่อมายังตลาดหุ้นไทย รวมทั้งความเชื่อมั่นที่ลดลงของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยในภาวะที่ตลาดซบเซา และปัญหาบางส่วนที่เกิดขึ้นในตลาดทุน นำมาสู่การยกระดับการกำกับดูแลครั้งใหญ่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมในหลายมิติ

 

จากการแถลงล่าสุดของ รองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมายและหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ในฐานะโฆษกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ระบุถึงเป้าหมายของการปรับเกณฑ์ในครั้งนี้ว่า ต้องการยกระดับความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนผ่านมาตรการ 3 กลุ่ม ได้แก่

 

  1. การลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์ 
  2. การกำกับดูแลพฤติกรรมซื้อ-ขายที่ไม่เหมาะสม
  3. การเพิ่มความคุ้มครองผู้ลงทุน 

 

สำหรับกลุ่มแรก หนึ่งในมาตรการสำคัญที่จะช่วยให้ความผันผวนในตลาดลดลงคือ การปรับเกณฑ์การขาย Short หุ้น โดยจะเปลี่ยนจาก Zero Plus Tick Rule มาเป็น Uptick Rule หมายความว่า นักลงทุนที่จะทำการขาย Short หุ้นต้องใช้ราคาที่สูงกว่าราคาซื้อ-ขายครั้งสุดท้าย แทนที่เกณฑ์เดิมที่นักลงทุนสามารถขาย Short ได้ที่ราคาเท่ากับหรือสูงกว่า 

 

นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมที่จะปรับเงื่อนไขของหุ้นที่สามารถขาย Short ได้ ที่อยู่นอก SET100 จะต้องมีมาร์เก็ตแคปไม่ต่ำกว่า 7,500 ล้านบาท และมีปริมาณซื้อ-ขายหมุนเวียน (Turnover Ratio) เฉลี่ย 12 เดือนไม่ต่ำกว่า 2% โดยเกณฑ์เหล่านี้คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ช่วงปลายไตรมาสที่ 2

 

ขณะเดียวกันตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังอยู่ระหว่างการจัดให้มี Central Platform เพื่อให้สมาชิกใช้ตรวจสอบ Availability ของหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนก่อนขาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด Naked Short, การเพิ่ม Circuit Breaker ในหุ้นรายตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการกำหนดรายละเอียด รวมทั้งการยกระดับมาตรการกำกับการซื้อ-ขายในหุ้นที่มีความร้อนแรงสูง โดยกำหนดวิธีการซื้อ-ขายแบบ Auction สำหรับหุ้นที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อ-ขายระดับ 2 

 

ส่วนกลุ่มที่ 2 มาตรการที่จะปรับนั้นครอบคลุมหลายส่วน เช่น เพิ่มการสั่งพักการซื้อ-ขายอัตโนมัติ (Auto Halt) สำหรับหุ้นรายตัว, การกำหนดเวลาขั้นต่ำของคำสั่งก่อนที่จะสามารถยกเลิก / แก้ไข คำสั่งได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการใส่และถอนคำสั่งเข้าออกที่ถี่จนเกินไป รวมทั้งการให้สมาชิกและลูกค้าที่เทรดแบบ High Frequency Trading (PT ที่สร้างและส่งคำสั่งซื้อ-ขายที่ SET Co-location) ต้องยื่นคำขอและ Filing ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งไม่เหมาะสมแก่สมาชิกทุกราย และมีระบบกลางในการคัดกรองคำสั่งซื้อ-ขายที่ไม่เหมาะสม 

 

ส่วนกลุ่มที่ 3 สิ่งที่ดำเนินการไปแล้วคือการเปิดเผยรายงานสถานะ Short ที่คงค้างอยู่ของหุ้นแต่ละตัวเป็นรายวัน นอกจากนี้จะปรับเพิ่มบทระวางโทษสมาชิกที่ทำผิดให้สูงขึ้น 3 เท่า และเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลการถือ NVDR สูงสุด 10 รายแรก และผู้ถือตั้งแต่ 0.5%

 

ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า การปรับเกณฑ์ในครั้งนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของการปรับมาใช้ Uptick Rule สำหรับหุ้นทุกตัวเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย และจะช่วยให้ความผันผวนในตลาดหุ้นไทยลดลง โดยเฉพาะในทิศทางขาลง 

 

ผลกระทบที่จะเห็นได้ชัดคือ การขาย Short เพื่อเก็งกำไรระหว่างวันจะทำได้ยากขึ้น ทำให้นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์การขาย Short เป็นหลักน่าจะได้รับผลกระทบ 

 

“โดยภาพรวมเชื่อว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น และการเพิ่มเกณฑ์มูลค่าหุ้นขั้นต่ำที่ขาย Short ได้เป็นไม่ต่ำกว่า 7,500 ล้านบาทจะทำให้หุ้นขนาดเล็กมีความเสี่ยงลดลง”

 

ในมุมของตลาดหลักทรัพย์ฯ รองรักษ์กล่าวว่า มาตรการต่างๆ ที่จะออกมานี้เพื่อที่จะยกระดับการกำกับดูแลและเพิ่มความเชื่อมั่น (Trust & Confidence) ให้แก่ผู้ลงทุน

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X