วานนี้ (18 เมษายน) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือคำสั่ง ตร. ที่ 179/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน 2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ใจความว่า
ด้วยข้าราชการตำรวจดังต่อไปนี้
- พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
- พ.ต.อ. กิตติชัย สังขถาวร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา
- พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
- ส.ต.อ. ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผู้บังคับหมู่ (ทำหน้าที่จราจร) งานปฏิบัติการจราจรตามโครงการพระราชดำริ 1 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร
- ส.ต.อ. ณัฐนันท์ ชูจักร ผู้บังคับหมู่ งานสายตรวจ 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจจราจร
มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง สืบเนื่องจากตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการมีคำสั่งที่ 746/2566 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2566 และคำสั่งที่ 114/2567 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2567 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ กรณีต้องหาคดีอาญาในความผิดฐานสมคบ โดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน ตามคดีอาญาที่ 391/2566 ของสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน
และตามหมายจับของศาลอาญาที่ 4549/2566 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2566 จากการสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่นว่ามีส่วนร่วมในการกระทำการในเรื่องที่ทำการสอบสวนนั้นด้วย ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ. 2547 ข้อ 28 และจากรายงานของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ 593/2566 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2566 มีพฤติการณ์การกระทำ ดังนี้
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2566, 8, 16 มกราคม 2567 และ 5 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 593/2566 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2566 ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ให้ดำเนินคดีกับผู้ร่วมกระทำผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ ชื่อ BNK Master รวม 22 คน ในความผิดฐาน ‘ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน’
ซึ่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 391/2566 โดยปรากฏว่า พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการเว็บพนันออนไลน์ ใช้บัญชีของบุคคลอื่นในการบริหารจัดการเว็บไซต์ที่จัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ ด้วยการรับเงินเข้า-ออกจากผู้เข้าเล่นการพนัน รวมทั้งจ่ายสินพนัน และเก็บผลประโยชน์จากการเล่นพนันออนไลน์ และมีการโอนเงินจากบัญชีธนาคารของพิมพ์วิไลผ่านทางบัญชีธนาคารของ เบญจมิน แสงจันทร์ ซึ่งเป็นบัญชีที่ พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ เป็นผู้ครอบครองและใช้เป็นจำนวนหลายครั้ง เมื่อโอนเงินแล้วจะมีการส่งหลักฐานการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันไลน์ต่อกันไปให้กับ ณพรรษกรณ์ แหเกิด, พ.ต.อ. กิตติชัย สังขถาวร และ พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ ทราบ
จากนั้นจะมีการโอนเงินจากบัญชีของเบญจมินเข้าบัญชีของ ส.ต.อ. ณัฐวุฒิ หวัดแวว หรือ ส.ต.อ. ณัฐนันท์ ชูจักร แล้ว พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ สั่งการให้ ส.ต.อ. ณัฐวุฒิ หวัดแวว หรือ ส.ต.อ. ณัฐนันท์ ชูจักร ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ให้นำเงินสดใส่ซองแล้วนำไปวางบนโต๊ะทำงานซึ่งอยู่ภายในบ้านพักของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล และมีการรับโอนเงินสดมาจากหน้าเคาน์เตอร์ธนาคารและเครื่องฝากเงินอัตโนมัติอีกจำนวนมาก และมีการโอนเงินจากบัญชีดังกล่าวออกไปยังบัญชีบุคคลอื่น
โดยศาลอาญาอนุมัติให้ออกหมายจับ พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1063/2567 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2566, พ.ต.อ. กิตติชัย สังขถาวร ตามหมายจับศาลอาญาที่ 4549/2566 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2567, ส.ต.อ. ณัฐวุฒิ หวัดแวว ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1064/2567 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2567, ส.ต.อ. ณัฐนันท์ ชูจักร ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1065/2567 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2567 และ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1396/2567 ลงวันที่ 2 เมษายน 2567
เหตุเกิดระหว่างวันที่ 8 กุมภาพันธ์ – 3 พฤศจิกายน 2565 สถานที่เกิดเหตุทั่วราชอาณาจักร ในส่วน พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ ที่ถูกสอบสวนวินัยไว้ก่อนแล้ว ตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการที่ 746/2566 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2566 และคำสั่งที่ 114/2567 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2567 นั้น เป็นการดำเนินการไปภายในอำนาจตามข้อเท็จจริงในขณะนั้น แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงในภายหลังว่าเป็นกรณีข้าราชการตำรวจตำแหน่งต่างกันและอยู่ต่างสังกัดกันถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงร่วมกัน ให้ผู้มีอำนาจสำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่มีตำแหน่งสูงกว่าหรือผู้มีอำนาจพิจารณาสั่งการสำหรับผู้ถูกกล่าวหาทุกคนเป็นผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน
อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 105, 108, 119 และ 179 ประกอบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 108/2567 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2567 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน และคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 436/2548 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2548 เรื่องมอบอำนาจการดำเนินการทางวินัย การสั่งให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการ และกำหนดแนวทางปฏิบัติ จึงให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการที่ 746/2566 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2566 และคำสั่งที่ 114/2567 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2567 และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้
- พล.ต.อ. สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ
- พล.ต.ท. ณพวัฒน์ อารยางกูร รองจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ
- พล.ต.ต. ธวัชชัย นาคฤทธิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นกรรมการ
- พล.ต.ต. วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นกรรมการ
- พล.ต.ต. มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เป็นกรรมการ และเลขานุการ
- พล.ต.ต. ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 4 เป็นกรรมการ
- พ.ต.อ. บัณฑิต นิลอ่อน รองผู้บังคับการ (สอบสวน) กองบังคับการกฎหมายและคดี ตำรวจภูธรภาค 2 เป็นกรรมการ
- พ.ต.อ. พนม เชื้อทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ เป็นกรรมการ
- พ.ต.อ. เทิดสยาม บุญยะเสนา ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 เป็นกรรมการ
- พ.ต.อ. อัครเดช สุริยงค์ ผู้กำกับการ ฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจสันติบาล 2 เป็นกรรมการ
- พ.ต.อ. มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เป็นกรรมการ
- พ.ต.ท. บุญนำ ลบโลกา รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
- พ.ต.ท. ศิริพล บุญหนุน รองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 2 กองตรวจราชการ 2 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
- พ.ต.ท. รชต ฉัตรวชิระวงษ์ สารวัตร กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ. 2547 ให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอสำนวนการสอบสวนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่ากรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาเบื้องต้นแล้วเห็นว่าข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมกระทำการใดในเรื่องที่สอบสวนอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว