กลายเป็นข่าวครึกโครมทั่วโลก เมื่อ Newsweek นิตยสารวิเคราะห์ข่าวจากสหรัฐฯ เผยแพร่บทความสัมภาษณ์เจาะลึกเจ้าชายแฮร์รีแห่งราชวงศ์อังกฤษเมื่อวานนี้ (21 มิถุนายน) ในชื่อ Exclusive: Prince Harry on Chaos after Diana’s Death and Why the World Needs ‘the Magic’ of the Royal Family โดยในบทความเจ้าชายแฮร์รีทรงเปิดพระทัยอย่างตรงไปตรงมาหลายประเด็น ตั้งแต่ชีวิตที่พังทลายหลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานา พระมารดา และบทบาทของสถาบันกษัตริย์ในโลกสมัยใหม่ แต่ที่เป็นไฮไลต์มากที่สุดคือประโยคที่ว่า
‘ไม่มีใครในราชวงศ์อยากเป็นกษัตริย์หรือราชินี’
เจ้าชายแฮร์รีตรัสว่า “ราชวงศ์อังกฤษกำลังปรับตัวให้เข้ากับโลกสมัยใหม่ เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเราเอง แต่เพื่อประโยชน์ส่วนรวม… ถามว่ามีใครสักคนในราชวงศ์อยากเป็นกษัตริย์หรือราชินีไหม ผมคิดว่าไม่มี แต่เราก็ต้องพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่เมื่อถึงเวลา”
แม่ผมเพิ่งเสียชีวิต และผมต้องเดินตามหลังโลงศพ
พร้อมๆ สายตาที่จับจ้องนับพันคนบนท้องถนนและหลายล้านคนในทีวี
ผมคิดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรเรียกร้องจากเด็กในวัยนั้น และหวังว่าคงจะไม่เกิดขึ้นอีกในปัจจุบัน
Photo: PATRIC HERTZOG/AFP
Photo: ADAM BUTLER/AFP
การสิ้นพระชนม์ของพระมารดา คือบาดแผลที่ร้าวลึกนับ 20 ปี
แอนเจลา เลวิน ผู้สื่อข่าว เล่าว่าทาง Newsweek ได้ติดตามพระกรณียกิจของเจ้าชายแฮร์รีมาตลอดในช่วงปีที่ผ่านมา ก่อนจะได้มีโอกาสที่พระองค์ประทานสัมภาษณ์อย่างเป็นกันเองในพระราชวังเคนซิงตัน
บทความชิ้นนี้เริ่มต้นด้วยการรายงานว่า เจ้าชายแฮร์รีทรงได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงจากการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานา โดยขณะนั้นพระองค์มีพระชนมายุเพียง 12 พรรษาเท่านั้น และในปัจจุบันโศกนาฏกรรมครั้งนั้นก็ยังติดอยู่ในพระทัยนานนับ 20 ปี
“แม่ผมเพิ่งเสียชีวิต และผมต้องเดินตามหลังโลงศพพร้อมๆ สายตาที่จับจ้องนับพันคนบนท้องถนนและหลายล้านคนในทีวี ผมคิดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรเรียกร้องจากเด็กในวัยนั้น และหวังว่าคงจะไม่เกิดขึ้นอีกในปัจจุบัน”
Photo: STF/AFP
เจ้าชายแฮร์รีทรงยอมรับอย่างรวดเร็วกับ Newsweek อีกด้วยว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลให้ชีวิตของพระองค์เหมือนไม่มีจุดหมายและเคว้งคว้างอยู่หลายปี พระองค์ทรงใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ สูบบุหรี่จัด และดื่มเหล้าหนัก นอกจากนี้ยังเคยฉลองพระองค์แฟนซี ‘นาซี’ ในปาร์ตี้ และมีภาพหลุดขณะพระองค์ทรงเปลือย และห้อมล้อมด้วยสาวๆ ที่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นในงานเลี้ยงที่ลาสเวกัส แต่เจ้าชายแฮร์รีตรัสว่า พระองค์ทรงเปลี่ยนไปแล้วในช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้
“การค้นหาตัวเองของผมเกิดขึ้นในช่วงอายุ 20 กลางๆ ผมต้องแก้ไขความผิดพลาดที่ผมทำขึ้นมา”
เจ้าชายแฮร์รีตรัสสารภาพว่าการสิ้นพระชนม์ของพระมารดานำมาซึ่ง ‘ความยุ่งเหยิงครั้งใหญ่’ (total chaos) และเกือบทำให้ชีวิตพระองค์พังทลายหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งพระองค์ต้องติดต่อผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือ
“แม่ผมเสียชีวิตตอนผมยังเด็กมาก แต่ในที่สุดผมก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้ ผมเริ่มฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์และตัดสินใจที่จะทำหน้าที่ของตัวเองไปในทางที่ดี ตอนนี้ผมมีความสนใจ กระตือรือร้น และรักที่จะทำงานช่วยเหลือสังคม พบปะผู้คน และทำให้พวกเขาหัวเราะ
“บางครั้งผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในอ่างเลี้ยงปลาทอง แต่ผมจัดการมันได้ดีขึ้น ผมยังมีความดื้ออยู่ในตัวนะครับ แต่ผมก็สนุกกับมัน”
Photo: John Stillwell/POOL/AFP
Ordinary Life: ถึงจะเป็นเจ้าชาย แต่ก็ช้อปปิ้งเองได้
อีกประเด็นใหญ่ในบทความชิ้นนี้คือเรื่องการรักษาความเป็น ‘ชีวิตปกติ’ ที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเน้นย้ำว่าคือสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกๆ
“แม่ของผมมีอิทธิพลอย่างยิ่งในการโชว์ให้เห็นว่าชีวิตปกติเป็นอย่างไร รวมไปถึงการพาผมและพี่ชายไปเยี่ยมคนไร้บ้าน ขอบคุณที่ผมไม่ได้ทำตัวแปลกแยกจากโลกความจริง ประชาชนทั่วไปมักทึ่งกับชีวิตปกติของพี่ชายและผม ผมไปช้อปปิ้งด้วยตัวเอง บางครั้งตอนที่เดินออกมาจากเคาน์เตอร์ขายเนื้อ ผมจะกังวลว่ามีใครยกมือถือมาถ่ายรูปไหม”
เจ้าชายแฮร์รีตรัสย้ำอีกครั้งว่า “ถึงแม้ว่าผมจะเป็นเจ้าชาย แต่ผมก็ช้อปปิ้งเองได้”
Photo: Justin TALLIS/AFP
ผู้สื่อข่าว Newsweek ถามต่อว่า การพยายามใช้ชีวิตปกติมากเกินไปจะทำให้ราชวงศ์ดูเข้าถึงง่ายเกินไปหรือไม่ เจ้าชายแฮร์รีตรัสตอบว่า อยู่ที่การรักษาสมดุล
“เราไม่ได้อยากทำให้เวทมนตร์หายไป คนอังกฤษและคนทั่วโลกยังต้องการสถาบันกษัตริย์อยู่”
บทความชิ้นนี้ทำให้คนทั่วไปได้สัมผัสถึงความเป็นมนุษย์ของเจ้าชายแฮร์รี นอกจากนี้ยังเปลือยให้ได้เห็นถึงจุดมุ่งหมายที่จะปฏิบัติพระกรณียกิจของพระองค์ให้ดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นมาพร้อมกับความคาดหวังและความกดดัน
โดยเฉพาะประโยคที่เจ้าชายแฮร์รีตรัสถึงความปรารถนาส่วนพระองค์อยู่หลายครั้งกับ Newsweek ที่ว่า
“อยากเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เจ้าชายแฮร์รี”
Cover Photo: DEAN LEWINS/AFP
อ้างอิง: