โทมัส แอนดรูว์ส (Thomas Andrews) ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมา เปิดเผยว่า รัฐบาลสิงคโปร์เพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามการขายอาวุธผ่านสิงคโปร์ไปยังเมียนมา โดยถือเป็นการแสดงท่าทีตอบสนองในทันทีต่อรายงานของเขาในปี 2023 ที่ชี้ว่าสิงคโปร์เป็นแหล่งจัดส่งอาวุธรายใหญ่อันดับ 3 ให้แก่กองทัพเมียนมา
“รายงานฉบับต่อมาของผมต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน พบว่าการส่งออกอาวุธจากสิงคโปร์ไปยังเมียนมาลดลงถึง 83% นี่เป็นก้าวสำคัญและเป็นตัวอย่างว่า รัฐบาลของประเทศต่างๆ สามารถสร้างความแตกต่างให้กับผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายในเมียนมาได้อย่างไร”
การปราบปรามอย่างจริงจังของสิงคโปร์ ส่งผลให้พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาต้องเผชิญแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายในการจัดหาอาวุธที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์สู้รบกับกองกำลังชาติพันธุ์ที่กองทัพเมียนมากำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและพ่ายแพ้ในหลายสมรภูมิ รวมถึงกรณีล่าสุดที่เมืองเมียวดีติดชายแดนอำเภอแม่สอดของไทย
นักวิเคราะห์มองว่าการตัดช่องทางขายอาวุธแก่เมียนมา ถือเป็นอีกสัญญาณของความสิ้นหวังที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับรัฐบาลทหารและนายพลในกองทัพ
ทั้งนี้ รายงานของแอนดรูว์สในปี 2023 ที่เปิดเผยข้อมูลเรื่องการค้าความตายมูลค่าพันล้านดอลลาร์เปิดเผยว่า บริษัทในสิงคโปร์ 138 แห่ง มีส่วนเกี่ยวข้องในการส่งมอบอาวุธมูลค่า 254 ล้านดอลลาร์ให้กับสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ของเมียนมา ตั้งแต่ปี 2021-2022 แต่ไม่มีการระบุชื่อบริษัท
ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์แสดงท่าทีต่อรายงานดังกล่าว โดยระบุว่ารัฐบาลสิงคโปร์ชื่นชมความพยายามของแอนดรูว์สในการให้ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือสิงคโปร์ ในการสืบสวนว่ามีการกระทำความผิดใดๆ เกิดขึ้นภายใต้กฎหมายของสิงคโปร์หรือไม่ พร้อมยืนยันจุดยืนของสิงคโปร์ในการต่อต้านการกระทำของกองทัพเมียนมาที่ใช้กำลังสังหารพลเรือนที่ไม่มีอาวุธ และได้มีการดำเนินการเพื่อป้องกันการจัดส่งอาวุธไปยังเมียนมา
ภาพ: Lamin Tun / Anadolu Agency / Getty Images
อ้างอิง: