วันนี้ (11 เมษายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU), กลุ่มกะเหรี่ยงสันติภาพ และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ที่สามารถเข้ายึดค่ายผาซอง หรือกองพันทหารราบที่ 275 ของทหารเมียนมาที่จังหวัดเมียวดีได้สำเร็จ โดยระบุว่า เขายืนยันว่ายังไม่แตก ก็เป็นเรื่องภายในของเขา ซึ่งได้กำชับไปทางกองทัพและกระทรวงการต่างประเทศว่าให้ส่งข้อความไปให้ชัดเจนว่าถ้าเกิดจะมีปัญหาภายในก็อย่าให้มันล้นออกมา และจะมีการโทรศัพท์ไปหาผู้บัญชาการทหารอากาศในเรื่องถ้าเกิดมีการสู้รบกันการใช้น่านฟ้าของไทยเราไม่ยอมรับ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้สั่งการให้มีการสแตนด์บายเครื่องบิน F-16 ขึ้นบินดูแลน่านฟ้าไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ผมว่าเรามีอุปกรณ์ที่ตรวจสอบอยู่แล้ว ไม่อยากให้ก่อให้เกิดความตึงเครียด ทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง เพราะเขาก็เป็นเพื่อนบ้านเรา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะไม่ให้เครื่องบินของกองทัพเมียนมาล้ำน่านฟ้าเข้ามาในเขตแดนไทยเหมือนอย่างเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นใช่หรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ไม่ได้ ก็คงต้องสั่ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงจุดในการรองรับผู้อพยพ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศออกมาระบุว่ารองรับได้ 1 แสนคน แต่จากการประเมินอาจจะมีผู้อพยพมากขึ้น ได้มีคุยในเรื่องนี้หรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ก็ต้องคุยครับ ก็ต้องดูต่อไปว่าปัญหาไปถึงขนาดไหน พร้อมยืนยันสถานการณ์ในเมืองเมียวดีขณะนี้ยังโอเคอยู่
แม่ทัพ 3 ยืนยันสถานการณ์ยังปกติ
ขณะที่ พล.ท. ประสาน แสงศิริรักษ์ กองทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมาว่า พื้นที่ชายแดนยังมีการเข้าออกและซื้อขายสินค้าตามปกติ เพียงแต่ช่วงนี้สินค้าอาจลดลงเนื่องจากการขนย้ายไม่สะดวก เพราะมีการปิดบางเส้นทาง ดังนั้นภาพรวมยังไม่มีผลกระทบ และทหารได้เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไว้แล้ว ขณะเดียวกันพื้นที่ค่ายผาซองที่มีการสู้รบอยู่ห่างจากเมืองเมียวดีเข้าไปภายใน 5-7 กิโลเมตร
ส่วนพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ซึ่งมีกระทรวงมหาดไทยดูแลอยู่นั้น ในส่วนของอำเภอแม่สอดยังไม่มีใครข้ามมา แต่พื้นที่อำเภออุ้มผาง มีผู้หนีภัยจากการสู้รบข้ามมากว่า 70 คน เนื่องจากอยู่ติดชายแดน