วานนี้ (10 เมษายน) ที่จังหวัดเชียงใหม่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์หมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ร่วมลงพื้นที่
อนุทินกล่าวว่า การได้มาพบกับทุกท่านในวันนี้ด้วยความเป็นห่วงและความปรารถนาดี พวกเราทุกคนที่อยู่ส่วนกลางมีความห่วงใยท่านตลอดเวลา ท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ได้สั่งการให้ตนได้เร่งเดินทางมาพบกับทุกท่าน พร้อมทั้งได้แสดงความชื่นชมและให้กำลังใจทุกคนที่ได้มุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจด้วยความทุ่มเทเสียสละ และเราพร้อมที่จะให้การสนับสนุนในทุกวิถีทางที่จะทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี
แม้ว่าจะมีความเสี่ยงในการปฏิบัติภารกิจ ทั้งเรื่องสุขภาพ ทั้งเรื่องความปลอดภัย แต่ทุกท่านก็ยังยืนหยัด พร้อมที่จะทุ่มเทเสียสละตลอดเวลา นับเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ เพราะทุกท่านเสี่ยงเพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน เพื่อบ้านเมืองของเรา ดังที่พวกเราทุกคนตั้งใจเข้ามารับราชการ
“วันนี้ตนได้เห็นความพร้อมทั้งจากการสรุปสถานการณ์ของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และท่านผู้บังคับบัญชาระดับสูง ตลอดจนได้เห็นด้วยสายตาตนเองในความพร้อมของทุกท่าน โดยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้ตรวจราชการกระทรวงต่างๆ มาบัญชาการสถานการณ์ โดยมีทรัพยากรในการปฏิบัติภารกิจ เช่น เครื่องบินปีกหมุน ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ในการป้องกันบรรเทาไฟป่า โดยรัฐบาลจะอยู่เคียงข้างอย่างต่อเนื่องจนกว่าเราจะปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จ ขณะเดียวกันเราใช้องคาพยพทุกวิถีทางอย่างเต็มที่ในการหาวิธีป้องกันและลดความรุนแรงของไฟป่า” อนุทินกล่าว
จากนั้น อนุทินพร้อมคณะเดินทางไปยังศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปข้อมูลสถานการณ์หมอกควัน ไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
อนุทินมอบแนวทางการดำเนินงานว่า เราต่อสู้กับปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) มาโดยตลอด บางปัญหาก็ควบคุมได้ บางปัญหาก็เกินความสามารถที่เราควบคุม เพราะเป็นภัยธรรมชาติ ทั้งนี้แม้ว่าเราจะเอาชนะธรรมชาติไม่ได้ แต่เราก็หาวิธีการอยู่รอดได้ ทั้งนี้จากหลายสาเหตุตามที่เราได้ทราบมา รวมถึงสถานการณ์ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ในเรื่องนี้ทางรัฐบาลได้ดำเนินการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง และขอให้มั่นใจว่าเราจะไม่มีการเกรงใจพ่อค้าหรือนายทุนต่างๆ ที่แม้จะเป็นคนไทยแต่ไปสนับสนุนการปลูกพืชไร่ในประเทศเพื่อนบ้านแล้วให้เขาเผา แล้วฝุ่นละอองทั้งหลายก็ข้ามมาประเทศเรา เราจะไม่ลดราวาศอกในเรื่องนี้
“ในส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ตลอดจนทุกหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ ต้องพิจารณาตัดสินใจใช้ความเข้มงวดตามมาตรการกฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้ที่ยังคิดที่จะเผาป่า เพียงเพราะเพื่อประโยชน์ในการทำพืชไร่ของตนเอง โดยไม่คำนึงว่าทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อสุขภาพของประชาชนโดยรวม”
อนุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฐานะทัพหน้า ได้เดินหน้าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนและสุขภาพอนามัยพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันอย่างเข้มข้นทุกวิถีทาง สำหรับในเรื่องการแก้ปัญหาระยะยาว ขอให้ได้ร่วมกันถอดบทเรียน นำผลจากการปฏิบัติไปดำเนินการปรับแผนเผชิญเหตุในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนตั้งแต่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้การสนับสนุนงบกลางในการใช้ค่าน้ำมันอากาศยานเพื่อแก้ปัญหาดับไฟป่า ขณะเดียวกันส่วนกลางโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมจะสนับสนุนอุปกรณ์ ทรัพยากรกำลังคน ทรัพยากรต่างๆ อย่างเต็มที่
เรื่องสำคัญคือเรื่องการสื่อสาร เมื่อมีการกระจายข่าวสารในวงกว้างก็จะมีข้อสงสัย ข้อกังขา ขอย้ำว่าเราต้องอดทน เรามีหน้าที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุข มีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ มีหน้าที่ป้องกันป่า ป้องกันไฟ เราเป็นผู้รับผิดชอบสถานการณ์ ไม่มีใครจะบริหารสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้ดีกว่าเรา และขอให้เราชี้แจงตามกระบวนการขั้นตอน ต้องบอกความจริงกับประชาชนให้ได้ใจความ เข้าใจง่าย และต้องทันท่วงที