วันนี้ (17 มีนาคม) เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 มาโดยตลอด รัฐบาลได้มีการทำงานแบบบูรณาการจากหลายกระทรวงทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือนั้น รัฐบาลไม่ได้แก้เฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ยังครอบคลุมทั้ง 17 จังหวัด รวมถึงจังหวัดเชียงรายที่แม้ไฟจะดับแล้ว แต่รัฐบาลยังวางมาตรการเฝ้าระวังไว้อย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งฝุ่นในปีนี้ถือว่าลดลงจากปีที่แล้ว ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น โดยใช้งบประมาณที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และได้เน้นย้ำให้มีการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและโปร่งใส นอกจากนี้ นายกฯ ยังคอยให้กำลังใจผู้เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด เพราะเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหานี้
เกณิกากล่าวต่อว่า ขอขอบคุณหลายฝ่ายที่มีข้อเสนอแนะเรื่องการแก้ปัญหาฝุ่นออกมา นายกรัฐมนตรีเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ส่วนกรณีฝ่ายค้านออกมาตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลจัดกำลังคนไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาเพราะพื้นที่ป่ามีขนาดใหญ่ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีพื้นที่ป่าทั้งป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ 9 ล้านไร่ มีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า 1,800 นาย ขอชี้แจงว่าในสถานการณ์ปกติสามารถดูแลรักษาป่าได้ แต่ในห้วงสถานการณ์ไฟป่าอาจไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ ซึ่งรัฐบาลได้แก้ไขปัญหาด้วยการจัดสรรงบกลางในการจ้างประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวัง ส่วนที่ระบุว่า การเกิดไฟป่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ของอุทยานและป่าไม้ที่ไม่ใช่ในพื้นที่ทางการเกษตรอย่างที่รัฐบาลเข้าใจนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะนายกฯ ได้ลงพื้นที่ใกล้ชิดมาก่อนหลายครั้งแล้ว และได้มีข้อสั่งการให้กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเร่งแก้ปัญหา โดยดูได้จากงบประมาณที่เพิ่งอนุมัติไป
เกณิกากล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 ครม. มีมติอนุมัติงบกลางเป็นเงินทั้งสิ้น 272,655,350 บาท โดยของกรมป่าไม้เป็นเงิน 109,946,650 บาท และของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นเงิน 162,708,700 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันเพื่อลดฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ และแก้ไขปัญหาความเสี่ยงสูงที่จะเกิดไฟป่าในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2567 ด้วยการจัดจ้างประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังอย่างเข้มข้นในจุดที่มีความเสี่ยง ทำให้สามารถตรวจพบเหตุไฟป่าได้ทันท่วงที และควบคุมไฟป่าได้อย่างรวดเร็ว