Food Prep 101: เตรียมความพร้อมก่อนมาเจอกันในงาน LIFE TABLE: Plates & Pups

‘เป็นพ่อแม่มือใหม่ต้องเตรียมอาหารแบบไหนให้น้องดีนะ?’ เชื่อว่านี่จะเป็นหนึ่งในคำถามติดท็อปของเหล่าคุณพ่อคุณแม่ที่เพิ่งรับน้องสี่ขาเข้ามาสู่อ้อมใจ วันนี้เราเลยรวบรวมเกร็ดความรู้ดีๆ เกี่ยวกับ ‘Food Prep’ การเตรียมอาหารสำหรับน้องหมามาฝาก มาดูกันว่าปัจจัยด้านไหนที่เราควรต้องคำนึงถึงบ้าง

Food Prep คืออะไร

Food Prep คือการเตรียมมื้ออาหารให้น้องหมา ซึ่งในปัจจุบันมีประเภทอาหารของน้องหมาให้คุณพ่อคุณแม่เลือกอย่างหลากหลาย โดยการให้อาหารน้องหมาของแต่ละบ้านก็จะมีวิถีเป็นของตัวเอง ซึ่งขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ข้อจำกัดด้านอาหาร (Dietary Restriction) และบริบทต่างๆ ของน้องหมาและผู้ปกครอง

ประเภทของ Food Prep

เราสามารถแบ่งประเภทของอาหารออกมาได้หลักๆ 3 กลุ่ม ได้แก่ BARF (Biologically Appropriate Raw Food) อาหารสดที่ไม่ผ่านการปรุงสุก ประกอบไปด้วยเนื้อ กระดูก เครื่องใน ผักและผลไม้, Home-Cooked อาหารที่เราปรุงเอง และ Wet/Dry Food อาหารเปียกและอาหารเม็ดสำเร็จรูป

คำถามที่ตามมาคือ ‘เราจะรู้ได้อย่างไรว่าประเภทไหนเหมาะกับน้องที่สุด?’ ผู้ก่อตั้ง Brute Hause แบรนด์ที่ทำสินค้าเกี่ยวกับการกินเพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีสำหรับน้องหมาแบบครบวงจร เผยว่า อันที่จริงแล้วประเภทไม่ได้สำคัญเท่ากับสารอาหาร

อาหารทุกประเภทสามารถให้คุณประโยชน์ต่อน้องหมาอย่างใกล้เคียงกัน ขึ้นอยู่กับว่าความต้องการของน้องและความสะดวกของเราจะแมตช์กับอาหารประเภทใดมากกว่า

ทั้งนี้ ยังเชื่อมโยงไปถึงรสนิยมในการดำเนินชีวิตอีกด้วย เราอาจจะเคยได้ยินวลีที่ว่า ‘น้องก็เหมือนเจ้าของ’ ซึ่งก็เป็นเรื่องไม่เกินจริงที่น้องหมาจะเป็นเครื่องสะท้อนคาแรกเตอร์ของเจ้าของ หากเจ้าของรักสุขภาพ น้องหมาก็จะได้กินอาหารดีๆ ไปด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การให้อาหารปรุงสุกด้วยตัวเองนั้นมีอีกปัจจัยที่เจ้าของต้องใส่ใจเป็นพิเศษคือ เรื่องของอาหารที่ควรเลี่ยง เช่น ไซลิทอล สารให้ความหวานที่อาจส่งผลให้ตับล้มเหลว, ช็อกโกแลต ของหวานแสนอร่อยสำหรับคน แต่อาจเป็นภัยร้ายแรงต่อน้องได้ เนื่องจากช็อกโกแลตนั้นอุดมไปด้วยสาร Theobromine ซึ่งเพิ่มความแรงและความเร็วของอัตราการเต้นของหัวใจ เพิ่มความดันโลหิต และอาจส่งผลให้ระบบหายใจล้มเหลวได้ หรืออะโวคาโด ที่มีสาร Persin ซึ่งอาจส่งผลให้อาเจียนและท้องเสียได้ เป็นต้น

ดังนั้นแล้ว การรู้และเข้าใจถึงข้อจำกัดด้านสุขภาพของน้องตั้งแต่แรกเกิด การหมั่นพาน้องไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ตามกำหนด และคอยสังเกตสุขภาพและอาการของน้องหลังการกินอาหารแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหนัก ลักษณะอุจจาระ หรืออาการต่างๆ เป็นประจำ จะช่วยให้เราสามารถทำให้พ่อแม่ค้นพบทางที่ตอบโจทย์และดีต่อสุขภาพน้องในระยะยาวได้

เทคนิคในการเลือกไซส์ชามอาหารน้อง

แน่ทีเดียวว่าสิ่งที่ต้องคำนึงในลำดับถัดมาคือเรื่องไซส์ชาม การเลือกชามมี 2 ประเด็นที่ต้องให้ความสนใจคือ

1. ขนาดจานที่สัมพันธ์กับน้ำหนักและขนาดตัวน้อง

เช่น สายพันธุ์เล็กอย่างชิวาวาและปอมเมอเรเนียนจะเหมาะกับชามใบเล็กที่จุอาหารได้ 1-2 ถ้วยตวง ในขณะที่สายพันธุ์ใหญ่อย่างลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ หรือโกลเดนรีทรีฟเวอร์ จะต้องใช้ชามใบใหญ่ที่จุอาหารได้ 4-8 ถ้วยตวง เป็นต้น

2. วิธีการกิน พฤติกรรมการกิน และผลที่ตามมาทางกายภาพและสุขภาพ

จุดนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ หากน้องหมาเป็นสายเอ็นจอยกับอาหารสุดเหวี่ยงจนเปรอะเปื้อนอยู่บ่อยๆ หรือมีการผลักชามเป็นประจำ อาจจะมองหาขนาดชามที่หนักหรือกว้างขึ้น หรือกรณีน้องบางตัวมีพฤติกรรมการกินไวเกินไป อาจเลือกใช้เป็นชามสไตล์ Interactive ที่มีช่องอาหารรูปทรงคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกตเพื่อให้น้องกินช้าลง และยังช่วยเรื่องระบบย่อยอาหารอีกด้วย

ภาพ: Brute Hause

เทคนิคในการแบ่งสัดส่วนอาหารในชาม

คำแนะนำโดยทั่วไปแล้ว สัดส่วนของสารอาหารในชามจะแบ่งเป็นโปรตีน 40%, คาร์โบไฮเดรต 10%, ไขมัน 10-15%, ควรมีผักเป็นส่วนผสมโดยรวมที่ 50% และเสริมด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส ในสัดส่วน 1:1 ถึง 2:1 เพื่อสร้างเสริมความแข็งแรงแก่กระดูก โดยเฉพาะกับน้องในวัยแบเบาะ

ภาพ: Brute Hause

อย่างไรก็ตาม น้องแต่ละตัวล้วนมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ทั้งปัจจัยเรื่องอายุ ขนาด สุขภาพ และสไตล์การทำกิจกรรมในแต่ละวัน เช่นเดียวกัน ผู้ปกครองควรจะต้องคอยสังเกตและติดตามผลสุขภาพร่างกายของน้องอยู่เสมอ

หัวใจสำคัญของ Food Prep

สรุปได้ว่า หัวใจสำคัญของการเตรียมอาหารให้น้องคือเรื่อง ‘ความสมดุล’ สมดุลทั้งโภชนาการ หรือการมีสารอาหารครบในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากไป ไม่น้อยไป สมดุลทางด้านความต้องการของผู้ปกครองและน้อง และแน่นอนคือสมดุลในเรื่องภาระทางการเงิน

ข่าวดีสำหรับใครที่อยากมีประสบการณ์แสนพิเศษพร้อมสร้างความทรงจำดีๆ ไปกับน้อง THE STANDARD LIFE ได้จัดงาน LIFE TABLE: Plates & Pups บรันช์มื้อพิเศษ เสิร์ฟเอาใจคุณและเจ้าตัวเล็ก พบกับ…