Sea Group เจ้าของ Shopee ประกาศเมื่อวันจันทร์ (4 มีนาคม) ว่าสามารถทำกำไรได้เป็นปีแรกนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ ท่ามกลางการพยายามปกป้องส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งอย่าง Lazada (ที่ Alibaba เป็นเจ้าของ) และ TikTok
ยักษ์เทคโนโลยีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีกำไรสุทธิ 162.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.5 พันล้านบาท) ในปี 2023 ต่างจากปี 2022 ที่ขาดทุนสุทธิ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท) อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/23 ยังคงขาดทุนสุทธิ 111.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.7 พันล้านบาท) โดยไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ 422.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท)
“ในปี 2023 เราสามารถทำกำไรได้ เสริมความแข็งแกร่งให้เราขึ้นเป็นผู้นำตลาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ขยายธุรกิจการเงินดิจิทัล และรักษาระดับผลประกอบการในธุรกิจบันเทิงดิจิทัลไว้ได้” Forrest Li ประธานและซีอีโอของ Sea Group กล่าวเมื่อวันจันทร์ ก่อนหน้านี้ Sea ไม่สามารถทำกำไรและสะสมยอดขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2009
Sea ดำเนินงานในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประกอบธุรกิจทั้งในส่วนของอีคอมเมิร์ซ (Shopee), การเงิน (SeaMoney) และเกม (Garena)
“เรามีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้น พร้อมเงินสดในมือเพิ่มขึ้นเป็น 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.85 แสนล้านบาท) ณ สิ้นปี 2023 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมีวินัยที่เราใช้ในการลงทุนตลอดปีที่ผ่านมา” Li กล่าว และระบุเพิ่มอีกว่า บริษัทคาดว่าจะทำกำไรต่อเนื่องได้ในปี 2024
ราคาหุ้นของ Sea ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ราคาปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.58% เมื่อวันจันทร์
บริษัทระบุว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของ Sea อย่าง Shopee เพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้มากในปี 2023 แม้จะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยระบุด้วยว่าบริษัทสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ได้ และตั้งใจจะรักษาส่วนแบ่งตลาดในปี 2024
Shopee ต้องเผชิญกับคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Lazada ที่ Alibaba เป็นเจ้าของ และ Tokopedia ของอินโดนีเซีย โดยตอนนี้ Tokopedia ได้ควบรวมกิจการกับ TikTok Shop ในอินโดนีเซีย กลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ขึ้น โดย TikTok ถือหุ้นหลักที่ 75.01%
เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว Sea ประกาศว่าจะเน้นการเติบโตเหนือการทำกำไร ซึ่งเกิดจากมาตรการลดต้นทุนท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์มองว่า การปรับเปลี่ยนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการสูญเสียส่วนแบ่งตลาด
SeaMoney รายงานว่าทำกำไรได้เป็นปีแรกในปี 2023 และบริษัทยังคาดว่าเกมดาวเด่นอย่าง Free Fire จะเติบโตกว่า 10% ทั้งด้านฐานผู้ใช้และรายได้ในปี 2024
“เรายินดีที่เห็นแนวโน้มเชิงบวกทั้งด้านการเติบโตและการทำกำไรในทั้ง 3 ธุรกิจของเรา มองไปข้างหน้า เราจะยังคงลงทุนต่อเนื่องอย่างมีวินัยและมุ่งเน้นผลประกอบการ” Sea Group กล่าวในแถลงการณ์
ขณะเดียวกัน DBS ได้ปรับเพิ่มอันดับหุ้นของ Sea จาก ‘ถือ’ เป็น ‘ซื้อ’ พร้อมราคาเป้าหมาย 75 ดอลลาร์สหรัฐ หลังได้เห็นรายงานผลประกอบการ เช่นเดียวกับ CGS-CIMB Securities ได้ปรับเพิ่มอันดับหุ้นของ Sea พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 74 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น จากเดิม 46 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหมายถึงการเพิ่มขึ้น 37%
Wedbush ก็ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสำหรับหุ้น Sea เป็น 72 ดอลลาร์สหรัฐ จากเดิม 45 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันจันทร์ โดยคงระดับแนะนำไว้ที่ ‘ดีเกินคาด’
“เรามองหุ้นนี้ในเชิงบวกมากขึ้นจากการมองไปที่การเติบโตและอัตรากำไรที่คาดการณ์ได้จากตัวชี้วัดของฝ่ายบริหาร และเชื่อว่า Sea อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัวขึ้นมา หลังจากแรงกดดันจากคู่แข่งผ่อนคลายลง และการลงทุนในไลฟ์สตรีมมิง การดึงดูดลูกค้า และระบบโลจิสติกส์เริ่มออกดอกผล” นักวิเคราะห์จาก Wedbush ระบุ
อ้างอิง: