วันนี้ (16 กุมภาพันธ์) ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ครั้งที่ 1/2567 วานนี้ว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เปิดโอกาสให้ทุกหน่วยงานในที่ประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยนายกรัฐมนตรีรับฟังและให้โอกาสแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ เพื่อต้องการให้นโยบายมีข้อสรุปที่ดีที่สุด โปร่งใส เหมาะสม ได้ประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนมากที่สุด
ชัยกล่าวว่า ในที่ประชุมได้มีการแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง หลายส่วนระบุว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว ตัวเลขทางเศรษฐกิจชี้ว่ายังไม่กลับมาเติบโตเท่าช่วงก่อนโควิด หรือการฟื้นตัวของแต่ละกลุ่มไม่เท่ากัน ประชาชนมีรายจ่ายจากหนี้สิน ทำให้ไม่มีรายได้เหลือเพียงพอซื้อสินค้า ในมุมมองของผู้ขายไม่มีเม็ดเงินให้นำมาขยายกิจการ หรือการพัฒนาสินค้า SME ไม่เติบโตเท่าที่ควร หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะทำให้เกิดปัญหาระยะยาว
การแก้ปัญหาในช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วยการเยียวยา ไม่ใช่วิธีที่แก้ปัญหาได้ รัฐบาลจึงควรหาวิธีใหม่ โดยมีการระบุว่า เงินอัดฉีดเข้าระบบจึงเปรียบเสมือนการช่วยชีวิตประชาชน เพื่อให้ต่อยอด ให้ฟื้นตัวในการดำรงชีวิต มีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ นอกจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลยืนยันที่จะดำเนินนโยบายด้านอื่นๆ ควบคู่กันไป ทั้งการเพิ่มความสามารถประชาชน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ พักหนี้ ช่วยดูแลด้านหนี้ รวมทั้งแสวงหา สนับสนุนการลงทุนจากบริษัทต่างชาติ ส่งเสริมการท่องเที่ยว สนับสนุนการใช้จ่าย
ชัยกล่าวต่อว่า ในส่วนของการพัฒนาด้านดิจิทัล หลายส่วนงานมองว่าจะเป็นโอกาสให้ไทยได้พัฒนาโครงสร้างการเงิน เสริมสร้างรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล โดยประชาชนไทยจะได้เรียนรู้การใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล ต่อยอดจากโครงสร้างเดิมที่มีมา
ทั้งนี้ ในที่ประชุมจึงได้มีมติให้ทุกส่วนศึกษา พิจารณาถึงข้อห่วงกังวลที่เกิดขึ้น และนำมาหารือกันอีกครั้ง เพื่อให้การดำเนินนโยบายนี้เป็นไปอย่างได้ประโยชน์สูงสุดและโปร่งใสที่สุด
ชัยกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ตลอดเวลาที่ลงพื้นที่อย่างหนัก เห็นแววตาประชาชน ต้องการช่วยเหลือให้วิถีชีวิตประชาชนดีขึ้น โดยอีกประเด็นสำคัญคือต้องการให้ดำเนินนโยบายนี้อย่างเปิดเผย โปร่งใส สง่างาม ไม่ต้องการให้มีข้อกังวลใจว่าเป็นนโยบายที่เอื้อไปสู่การทุจริต และต้องการให้เป็นโอกาสของไทยในการเรียนรู้ เท่าทันที่จะใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน