วันนี้ (4 กุมภาพันธ์) ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เวลา 14.30 น. ไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาตรวจจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ ชั้น 2 ซึ่งเป็นบริเวณห้องครัว ในโซนห้องทำงานที่ปรึกษาของตน โดยทันทีที่มาถึงนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่อนุญาตให้เข้ามายังกระทรวง โดยอ้างว่า รอ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการไม่ให้ผู้ใดเข้าไปยังพื้นที่
เนื่องจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานยังตรวจพื้นที่ไม่แล้วเสร็จ โดยมีรายงานว่า เมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานปฏิบัติหน้าที่แล้วเสร็จ มีคำสั่งให้ปิดกระทรวง โดยห้ามบุคคลภายนอกและข้าราชการในกระทรวงเข้าไปในกระทรวงโดยเด็ดขาด แม้แต่ไชยาที่เป็นเจ้าของห้องก็ไม่สามารถเข้าไปได้
จากนั้นไชยายืนสำรวจบริเวณนอกรั้วกระทรวง พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนเพิ่งกลับจากต่างจังหวัด จึงมาตรวจสอบห้องที่เกิดความเสียหาย แต่ไม่สามารถเข้าไปภายในอาคารได้ รายงานเบื้องต้นความเสียหายส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ห้องครัว ก่อนจะลามไปที่ห้องคณะทำงาน ซึ่งไม่มีเอกสารสำคัญเพราะส่วนใหญ่น่าจะโหลดไว้ในคลาวด์
ส่วนที่จะไปเชื่อมโยงกับข่าวลือว่าจะเป็นการทำลายหลักฐาน ย้ำว่าเผาไปก็ไร้ประโยชน์ ตนจึงไม่อยากให้เชื่อมโยงว่าเผาเพื่อทำลายหลักฐาน หรือไปเชื่อมโยงเป็นประเด็นทางการเมืองว่า ศรีสุวรรณ จรรยา และ เจ๋ง ดอกจิก มาพบตน แล้วพูดคลุมเครือว่ามาที่กระทรวงแล้วมาพบใคร เพราะว่าตนไม่ได้ดูแลกรมการข้าว เพราะฉะนั้นจึงไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีความจำเป็นที่สองคนนั้นต้องมาพบตน ขอให้ตัดประเด็นนั้นทิ้งไปได้เลย ซึ่งเอกสารส่วนใหญ่เป็นเอกสารรูทีน
ส่วนกรณีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ศรีสุวรรณ และเจ๋ง ดอกจิก ก็ไม่ได้มายื่นกับตน เท่าที่ทราบคือไปยื่นกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีฝ่ายกฎหมายเป็นคนรับเรื่อง แต่ในส่วนของตนมีคนอื่นมายื่นร้องเรียนตามระบบราชการเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ขอปกปิดเอกสารซึ่งตนได้ดูรายละเอียดแล้ว เป็นผู้ที่มีความรู้ เข้าใจเทคนิคและระเบียบปฏิบัติของราชการ
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าในการแบ่งงานของกระทรวง ตนกำกับดูแลในส่วนของนโยบาย ไม่มีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณ ตนจึงทำหนังสือรายงานไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าเรื่องที่คนมายื่นให้กับรัฐมนตรี กับเรื่องที่มายื่นกับตนผ่านระบบเป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยมีปลัดกระทรวงเป็นหัวหน้าคณะ และหน่วยงาน ได้รายงานชี้แจงเข้ามาแล้ว โดยส่งตรงไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ได้ผ่านตน และยืนยันว่าที่ผ่านมาทั้งสองคนนั้นไม่เคยยื่นอะไรผ่านตน
“ตั้งแต่ผมมาเป็นรัฐมนตรีที่นี่ในระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่การทำสงครามปราบปรามหมูเถื่อน บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องหมู ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ตอนนี้นอกจากเรื่องหมูเถื่อนยังมีเนื้อเถื่อน และตีนไก่ที่ลักลอบเข้าประเทศ ทำให้เกิดความเสียหายในระบบเศรษฐกิจ เหล่านี้ล้วนเป็นผลงานที่ผมได้เห็นและกำกับดูแลปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย โดยดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษดูแลแล้ว และเป็นหน้าที่ของดีเอสไอที่จะต้องทำให้กระจ่างว่าใครเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าจะเกี่ยวข้องกับนักการเมืองก็ต้องบอกให้ชัดเจน ถ้าเกี่ยวข้องกับข้าราชการเราก็ไม่เอาไว้อยู่แล้ว” ไชยากล่าว
ส่วนข้อกล่าวหาที่ไปร้องเรียนกรรมาธิการเรื่องของการล็อกสเปกประเทศเดียวในการจัดซื้อเครื่องบินของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รวมถึงเรื่องของการไปดูงานต่างประเทศ ไชยาระบุว่า ในรายงานมีการชี้แจงว่า มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 5 ชุดคือ
- กรรมการคัดเรื่องเครื่องบิน
- คณะกรรมการร่างทีโออาร์
- คณะกรรมการทำทีโออาร์
- คณะกรรมการพิจารณาเรื่องราคาและเทคนิค
- คณะกรรมการตรวจรับ
ไชยากล่าวต่อว่า อยู่ในกระบวนการของระบบราชการ ฝ่ายการเมืองไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้ เพราะการประกวดราคาผ่านระบบ e-Bidding ไม่ใช่แบบเฉพาะเจาะจง เพราะฉะนั้นทุกคนสามารถเข้ามาแข่งขันราคาได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นงบประมาณเก่าตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ไม่สามารถดำเนินการได้ ยกเลิกการประกวดราคามา 3 ครั้ง เมื่อตนเข้ามาจึงสั่งการให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบโปร่งใส ซึ่งคณะกรรมการทั้ง 5 คณะก็ต้องชี้แจงต่อสาธารณะให้ได้ และทั้งหมดก็รายงานไปให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร
ส่วนวันที่ ศรีสุวรรณ และเจ๋ง ดอกจิก เดินทางไปยื่นหนังสือกับคณะกรรมาธิการโดยใช้คำว่า คะยั้นคะยอให้กรรมาธิการของพรรคก้าวไกลมารับหนังสือ มองเป็นเกมการเมืองหรือไม่ ไชยาระบุว่า จะมองอย่างไรก็มองได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะการอ้างว่ารัฐมนตรีช่วยเป็นคนให้ข้อมูลมาร้องเรียนก็คงเป็นใครไม่ได้นอกจากตน ตนจะไปทำอย่างนั้นทำไม ไม่ต้องไปอาศัยมือของคุณเจ๋ง ดอกจิกยื่นกรรมาธิการ ไร้ประโยชน์ ไร้สาระ
ส่วนตอนนี้เข้าห้องไม่ได้เนื่องจากได้รับความเสียหายจากการดับเพลิง ไชยากล่าว ไม่เป็นไร ไปนั่งเซ็นเอกสารที่ไหนก็ได้ ตนเป็นคนง่ายๆ แต่ตอนนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นคือ ตู้กับข้าวเสีย ตู้เย็นพัง ผลไม้พังหมด พร้อมยืนยันว่าไม่มีประเด็นการเมือง อย่าไปเชื่อมโยงประเด็นการเมือง เพราะไม่มีความขัดแย้งในกระทรวง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีเอกสารสำคัญในห้องทำงานหรือไม่ ไชยายืนยันว่า ห้องทำงานตนมีแต่พระ มีแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่ากระทรวงเกษตรฯ เป็นวังเก่าเจ้าที่แรง อะไรที่ไม่ดีต้องถูกปัดเป่าออกไป แล้วตั้งแต่ที่ตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รู้มาตั้งแต่ต้นว่าจะต้องเจอกับอะไร แต่ตนเป็นประเภทหมูไม่กลัวน้ำร้อน