Ralph Ossa หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ขององค์การการค้าโลก หรือ WTO เปิดเผยว่า ทางองค์การมีแนวโน้มที่จะปรับลดประมาณการการเติบโตของการค้าสินค้าในปี 2023 และ 2024 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีความคึกคักน้อยลง รวมถึงมีความเสี่ยงจากการได้รับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกรณีความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ทำให้การขนส่งสินค้าผ่านคลองสุเอซมีโอกาสที่จะหยุดชะงักได้
ทั้งนี้ WTO จะมีการปรับตัวเลขแนวโน้มทิศทางการค้าทุกๆ 2 เดือน
ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม WTO คาดการณ์ไว้ว่าการเติบโตของการค้าสินค้าจะอยู่ที่ 0.8% ในปี 2023 และ 3.3% ในปี 2024 ทว่าเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน WTO เชื่อว่าการเติบโตในปีนี้จะถูกคุกคามจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความตึงเครียดที่ส่งผลกระทบต่อคลองสุเอซ เนื่องจากการโจมตีเรือในทะเลแดงโดยกลุ่มฮูตีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในเยเมน
Ossa หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ WTO กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 มกราคม) ว่าประมาณการการเติบโตประจำปีในปัจจุบันค่อนข้าง ‘มองโลกในแง่ดีเกินไป’ ก่อนชี้ว่า ไตรมาสล่าสุดการค้าสินค้าลดลง 1.4% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2023 แม้ว่าไตรมาสที่ 4 จะดูแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยก็ตาม โดยการเติบโตในปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะน้อยกว่า 0.8% เนื่องจากยุโรปทำได้แย่กว่าที่คาดไว้ และการฟื้นตัวของจีนหลังโควิดก็ไม่แข็งแกร่งเท่าที่จินตนาการไว้
รายงานระบุว่า การค้าสินค้าทั่วโลกเติบโตขึ้นทุกปีในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ยกเว้นปี 2020 ที่มีวิกฤตการระบาดของโควิด-19
สำหรับปี 2024 Ossa กล่าวว่าองค์การระหว่างประเทศจำนวนหนึ่งได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ลง ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์การค้าของ WTO อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วการค้าสินค้าในปีนี้น่าจะยังแข็งแกร่งกว่าปี 2023
นอกจากนี้ Ossa ยังเน้นย้ำถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการค้าบริการ ซึ่งเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เนื่องจากมีบริการจัดส่งทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมาก กระนั้นค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากกรณีขัดแย้งในคลองสุเอซอาจทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายสินค้าในราคาแพงขึ้นเพราะต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน หากว่าสถานการณ์ในคลองสุเอซยืดเยื้อออกไป ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรป แต่ข่าวดีก็คือว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นจะไม่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเหมือนปีก่อนหน้า
ภาพ: IgorSPb / iStock / Getty Images Plus
อ้างอิง: