บริษัทสหรัฐอเมริกามองว่า จีนมีความเสี่ยงในด้านซัพพลายเชนมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินเดียกำลังได้รับผลประโยชน์ในฐานะกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว อีกทั้งความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นในฐานะประเทศแห่งนวัตกรรมและเป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับโลก สิ่งนี้เห็นได้จากการเติบโตของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของอินเดียในปีที่ผ่านมา รวมไปถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ช่วยผลักดันให้ตลาดหุ้นอินเดียแซงหน้าฮ่องกงขึ้นมาเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก
จากการสำรวจผู้บริหาร 500 คนของบริษัทในสหรัฐฯ พบว่า 61% ของบริษัทเหล่านี้สนใจที่จะลงทุนที่ประเทศอินเดียมากกว่าจีน หากทั้งสองประเทศสามารถผลิตสินค้าชนิดเดียวกันได้ ในขณะที่ 56% ต้องการให้อินเดียตอบสนองความต้องการด้านซัพพลายเชนภายใน 5 ปีข้างหน้ามากกว่าประเทศจีน
บริษัทต่างๆ มองว่า อินเดียเป็นกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว และไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี นอกจากนี้ความสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างสหรัฐฯ และอินเดียที่มีนโยบายเป็นมิตรซึ่งมุ่งเป้าไปที่การส่งเสริมให้บริษัทในสหรัฐฯ กระจายความเสี่ยงจากจีนไปที่อินเดีย ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน ซึ่งทั้งสหรัฐฯ และอินเดียมีการลงนามข้อตกลงมากมายเกี่ยวกับความร่วมมือมากมายทั้งด้านการป้องกันประเทศ เทคโนโลยี และการกระจายความหลากหลายของซัพพลายเชน
แม้ว่าเวียดนามจะยังเป็นตัวเลือกในใจของนักลงทุน แต่เวียดนามไม่สามารถบรรลุสิ่งที่อินเดียสามารถทำได้ เพราะอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าขนาดใหญ่มากที่เวียดนามไม่มี
หลังจากที่อินเดียสามารถแซงหน้าจีนในฐานะประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลกได้แล้ว ขณะนี้อินเดียกำลังแสดงความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นในฐานะประเทศแห่งนวัตกรรมและเป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับโลก โดยเมื่อปีที่แล้วผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอินเดียเติบโตมากถึง 7.2% ในปีงบประมาณที่แล้วจาก 9% ในปีก่อนหน้า ขณะที่จีนเติบโต 5.2% ในปี 2023 จาก 3% ในปีก่อนหน้านั้น
ราวิ อัครวาล บรรณาธิการบริหารฝ่ายนโยบายต่างประเทศ กล่าวกับ CNBC ที่การประชุม World Economic Forum ที่ดาวอส ว่า ในขณะที่เศรษฐกิจของจีนชะลอตัว การเติบโตอย่างรวดเร็วของอินเดียก็ถือเป็นโอกาสที่ชัดเจนสำหรับนักลงทุน
ฮ่องกงเผชิญกับความตกต่ำทางเศรษฐกิจครั้งประวัติศาสตร์ โดยต้องเผชิญกับมาตรการต่อต้านโควิดที่เข้มงวด การปราบปรามด้านกฎระเบียบ วิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ สิ่งนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าตลาดของหุ้นจีนและฮ่องกงดิ่งลงกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์นับตั้งแต่พุ่งถึงจุดสูงสุดในปี 2021
ขณะที่ตลาดหุ้นจีนยังคงน่าเป็นห่วง แต่โมเมนตัมของของอินเดียกลับดูไม่เปลี่ยนแปลง อินเดียยังสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากภายนอกเข้ามาได้มหาศาล โดยล่าสุดมูลค่าตลาดหุ้นของอินเดียแซงหน้าฮ่องกงได้เป็นครั้งแรก ทำให้อินเดียเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก โดยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 4.33 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (23 มกราคม)
อ้างอิง: