Marry My Husband เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์เปิด พ.ศ. ใหม่ได้อย่างสวยงาม ทั้งที่ออกอากาศตอนแรกในวันขึ้นปีใหม่ที่ผู้คนยังโฟกัสอยู่ที่การเฉลิมฉลอง แต่ก็คว้าเรตติ้งไปได้ถึง 5.2% และทำลายสถิติของตัวเองในสัปดาห์ที่ 2 ด้วยเรตติ้ง 6.4% ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณอานิสงส์ความสำเร็จของเวอร์ชัน WEBTOON และพลังดาราของ พัคมินยอง แต่เหนือสิ่งอื่นใดนี่คือเรื่องราวการตีแผ่ความสัมพันธ์ท็อกซิก ทั้งในรูปแบบคนรักและความเป็นเพื่อน
Marry My Husband บอกเล่าเรื่องราวของ คังจีวอน (พัคมินยอง) หญิงสาวอาภัพที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ในชีวิตของเธอมีเพียงสามีคือ พัคมินฮวาน (อีอีคยอง) และ จองซูมิน (ซงฮายุน) เพื่อนสนิทผู้เป็นเหมือนครึ่งชีวิตของเธอ จีวอนสงสัยมาตลอดว่าสามีนอกใจ แต่ไม่รู้ว่ากับใคร และในวันที่จีวอนต้องนอนรอวันตาย เธอก็พบว่าสามีแอบเก็บเงินประกันชีวิตของเธอไว้ จึงเดินทางไปตามหาความจริง และได้เจอชู้รักของเขาคือเพื่อนสนิทของเธอ จีวอนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนทั้งคู่ ก่อนจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในปี 2013 หรือ 10 ปีก่อนหน้านั้น เหมือนชีวิตได้รับโอกาสที่ 2 เพื่อทบทวนสิ่งที่เคยพลาดไป และตามเช็กบิลคนที่เคยกระทำผิดต่อเธอ
ความน่าสนใจของ Marry My Husband คือการเดินเรื่องกระชับฉับไว ใช้เวลาช่วงแรกในการปูพื้นฐานชีวิตของคังจีวอนในบทบาทของผู้ถูกกระทำทั้งจากสามีและแม่สามี มิหนำซ้ำเพื่อนสนิทที่เคยคิดว่าดี มีคำพูดหวานๆ กรอกหูอยู่ทุกวัน ยังมีจุดประสงค์ร้ายๆ ทำลายเธอ หลายๆ ฉากในเรื่องแสดงสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และทางเลือกในชีวิต ทั้งบทสนทนาบนรถแท็กซี่และเส้นทางใหม่ๆ ที่พาเธอไปค้นหาความจริง รวมทั้งฉากการลอดอุโมงค์เพื่อไปพบแสงสว่างและกลีบดอกไม้เบื้องหน้า
จนกระทั่งมาถึงการย้อนเวลา ก็เหมือนได้พาผู้ชมย้อนไปดูจุดเล็กจุดน้อยที่ตัวละครเคยมองข้ามไป ทั้งจากการครอบงำของเพื่อนสนิท และการไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง และที่ขาดไม่ได้คือเรื่องราวความรักสุดโรแมนติกของทายาทมหาเศรษฐีในมาดหนุ่มเนิร์ดที่แอบชอบเธอมานาน
อ่านมาถึงตรงนี้ก็ดูเหมือนไม่มีอะไรใหม่ และเดินตามรอยซีรีส์เมโลดราม่า (วัดจากปริมาณฉากล้มแผละในอ้อมกอดพระเอกในสองอีพีแรก) แต่สิ่งที่แตกต่างไปคือการใช้ฉากหลังเป็นชีวิตการทำงานของคนรุ่นใหม่ รูปแบบความสัมพันธ์ท็อกซิกที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่ได้มีความอิจฉาริษยาแบบถลึงตาใส่กัน โดยเฉพาะความเป็นเพื่อนระหว่างจีวอนและซูมินในรูปแบบ Gaslighting หรือการควบคุมทางจิตใจให้อีกฝ่ายเคลือบแคลงสงสัยและไม่มั่นใจในตัวเอง
ถ้ามองความสัมพันธ์ของทั้งคู่จากมุมคนภายนอกก็อาจจะเป็นเหมือนเด็กสาวบางคู่ที่มีเพื่อนสนิทแค่คนเดียว และทำอะไรต่อมิอะไรด้วยกัน แต่เนื้อในซูมินใช้ประโยชน์จากความจิตใจดีของจีวอน ค่อยๆ ด้อยค่าทำให้เพื่อนรู้สึกขาดความมั่นใจ และตัดขาดจากคนรอบข้าง อยู่ภายใต้กรอบความสัมพันธ์แบบ ‘ครึ่งชีวิตของกันและกัน’ พร้อมทั้งยอมรับสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม แถมยังต้องรู้สึกผิดหากคิดสงสัยหรือตีจากไปสนิทกับคนอื่น เพราะนั่นหมายถึงการทรยศต่อความรักที่เพื่อนคนเดียวในชีวิตมอบให้ มารู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นทาสรับใช้ของเพื่อนสนิทแบบไม่รู้ตัว
หากวิเคราะห์จากตัวซูมินเองจากหลายๆ ฉาก ก็เหมือนจะไม่ได้มีจุดเริ่มต้นจากความเกลียดชัง แต่เป็นความเคยชินที่ต้องเหนือกว่าใครสักคน ซึ่งคนนั้นก็คือจีวอน และค่อยๆ พัฒนาความเลวร้ายจากอาการ ‘หวงเพื่อน’ เช่น การกีดกันไม่ให้เพื่อนมีแฟน ลามไปถึงใส่ร้ายจนเพื่อนไม่มีทางไปสนิทกับคนอื่นได้ จนกลายเป็นแย่งทุกอย่างและทำลายเพื่อนไปในที่สุด
ในขณะที่ความสัมพันธ์รูปแบบคนรักระหว่างจีวอนและมินฮวานก็อาการน่าเป็นห่วงตั้งแต่ต้น เอาเข้าจริงๆ เรื่องนี้จะจบง่ายมากหากจีวอนย้อนเวลากลับมาแล้วบอกเลิกคบกับแฟนและเพื่อนสนิท แต่ทุกอย่างซับซ้อนกว่านั้น เมื่อได้ย้อนกลับไปดูความสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ทุกครั้งที่บอกเลิกจีวอนมักจะถูกกระทำรุนแรง หรือแม้กระทั่งเมื่อสงสัยว่าตัวเองตั้งท้อง จีวอนก็ถึงกับเครียดเพราะรู้ว่าผู้ชายคนนี้คงไม่ใช่สามีที่ดีในอนาคต แต่เพราะเธอเมื่อ 10 ปีก่อนเป็นคนหัวอ่อนและใจดีเกินไป จนต้องยอมรับชะตากรรมอันเลวร้ายในอนาคต
“อย่าทำตัวให้ถูกจริตคนอื่นจนติดเป็นนิสัยเลยครับ”
“ฉันได้เรียนรู้ว่าไม่จำเป็นต้องน่ารักกับคนที่ไม่น่ารักกับฉัน แต่ควรดีกับคนที่ดีให้มากขึ้นสองหรือสามเท่า”
บทสนทนาระหว่างจีวอนและ ยูจีฮยอก (นาอินอู) สะท้อนความคิดว่าเธอเริ่มตระหนักว่า ถึงจะน่ารักกับคนทุกคนที่ลืมน่ารักกับตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย และไม่ใช่กับจีวอนเพียงคนเดียว แต่หมายถึงการใช้ชีวิตของผู้ชมที่ต้องย้อนกลับมาดูตัวเองว่า เราพยายามที่จะเป็นที่รักของคนอื่นมากไปหรือเปล่า
นอกจากการได้ทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเอง เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของ Marry My Husband คือวิธีการล้างแค้น เมื่อจีวอนได้รู้ว่าโชคชะตาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่หาคนมารับชะตากรรมนั้นแทนได้ กลายเป็นกลวิธีที่จะทำให้เพื่อนสนิทอย่างซูมินมารับชะตากรรมที่เธอเคยได้รับโดยไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรง แต่ได้ความสะใจไม่ต่างกัน
ท่ามกลางซีรีส์เกาหลีย้อนเวลาจำนวนมากจนเหมือนมีไทม์แมชชีนเป็นของตัวเอง ก็เรียกได้ว่า Marry My Husband ใช้สูตรสำเร็จมาผสมกับเนื้อหาใกล้ตัวมาเชื่อมโยงคนดูเข้ากับตัวละครได้อย่างโดดเด่น ยิ่งเมื่อผนวกกับการเฉลยปมสำคัญตั้งแต่ยังไม่ถึงกลางเรื่อง ก็เชื่อแน่ว่าต่อจากนี้จะมีเรื่องเซอร์ไพรส์รออยู่อีกมากมาย ซึ่งถ้าใครยังไม่ได้ดูก็ขอให้รีบตามมา เพราะน่าจะมีความสะใจรออยู่ข้างหน้าแน่นอน
รับชมตอนใหม่ของ Marry My Husband (สามีคนนี้แจกฟรีให้เธอ) ได้ทุกวันจันทร์และอังคาร เวลา 21.00 น. ที่ Prime Video