×

รมว.ยุติธรรม บอกดีเอสไอเร่งทำคดีหมูเถื่อน หวั่นกระทบความมั่นคงด้านอาหาร ชี้สาวถึงใครให้เรียกมาสอบ

โดย THE STANDARD TEAM
16.01.2024
  • LOADING...

วันนี้ (16 มกราคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล่าช้าในคดีนำเข้าหมูเถื่อน และตัวละครที่เกี่ยวข้องเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ว่า ตนก็เห็นว่าพนักงานสอบสวนทำคดีความทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้ทำตามความรู้สึก ยอมรับว่าเรื่องนี้มีผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหาร โดยเฉพาะเรื่องปศุสัตว์ ที่สำคัญได้มีการกำชับพนักงานสอบสวนว่าให้พยานหลักฐานเป็นสิ่งที่พูด อย่าใช้ความรู้สึก หากสาวถึงใครไม่ใช่ไปดำเนินคดี แต่ให้เรียกเขามาสอบ รวมทั้งอยากให้พนักงานสอบสวนใช้ความรอบคอบ ให้ศาลเป็นผู้ออกหมายจับ

 

เมื่อถามถึงกรณีที่ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่ค่อยพอใจเรื่องความล่าช้าหลังจากส่งเรื่องไปนานแล้ว พ.ต.อ. ทวีกล่าวว่า ท่านก็อยากแก้ปัญหา แต่กับตนไม่เห็นจะพูดอะไร เหมือนให้กำลังใจกันตลอด 

 

เมื่อถามว่า หากเกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรีหรือนักการเมืองจะดำเนินการอย่างไร พ.ต.อ. ทวีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกำชับให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา 

 

ส่วนจะสามารถจับตัวการใหญ่ได้หรือไม่ พ.ต.อ. ทวีกล่าวว่า ไม่ได้ตั้งธงว่าจะจับใคร ถ้าหลักฐานถึงใครก็ต้องดำเนินการ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเรา ประชาชนก็จับตามองอยู่ 

 

เมื่อถามย้ำว่าจะไม่ใช่มวยล้มต้มคนดู หรือเจอตอใช่หรือไม่ พ.ต.อ. ทวีกล่าวว่า ไม่หรอก ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน จะเห็นว่าพอเรื่องเป็นสำนวนแล้ว พนักงานสอบสวนก็ช่วยใครไม่ได้ ถึงแม้พนักงานสอบสวนจะสั่งสำนวนอย่างไร แต่อัยการจะเป็นผู้สั่งอีกที ถ้าสำนวนไม่รอบคอบ อัยการก็จะเข้ามา โดยหลักการคือต้องยึดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่บุคคลเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ และที่สำคัญคือจะทำอย่างไรให้เกษตรกรรายย่อยได้รับการคุ้มครอง เพราะหากนำเข้าโดยหลบภาษี ไม่ได้ตรวจโรคทางปศุสัตว์ หากไปขายในร้านหมูกระทะก็เหมือนเป็นการทำลายตลาด

 

เมื่อถามว่าอีกนานหรือไม่จะได้เห็นผู้กระทำความผิด พ.ต.อ. ทวีกล่าวว่า ก็เห็นอยู่ตลอดเวลา ถ้ามีตัวผู้ต้องหาจะบังคับระยะเวลาว่ากี่วัน และพนักงานสอบสวนก็ต้องมีเวลาให้อัยการพิจารณาสำนวน

 

ปัดกลั่นแกล้ง ตั้งข้อหาค้ามนุษย์เก็บผลไม้ฟินแลนด์ 

พ.ต.อ. ทวีกล่าวถึงกรณีที่อดีตรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ขู่ฟ้องกลับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ตั้งข้อกล่าวหา 2 อดีตรัฐมนตรี และ 2 ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีพบหลักฐานเกี่ยวข้องขบวนการส่งแรงงานไทยเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ในงานเก็บผลไม้ป่าในสาธารณรัฐฟินแลนด์ มีการหักค่าหัวคิวเฉลี่ยรายละ 3,000 บาท มูลค่าความเสียหาย 36 ล้านบาทนั้น 

 

พ.ต.อ. ทวีกล่าวว่า ได้รับรายงานจากปลัดกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ แล้ว คดีดังกล่าวเป็นคดีความผิดที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ซึ่งอัยการสูงสุดเป็นพนักงานสอบสวน และมีการแจ้งข้อหาจากทางตำรวจฟินแลนด์ โดยเอกอัครราชทูตฟินแลนด์ประจำประเทศไทยแจ้งให้ทราบว่ามีการสอบสวนของหน่วยงานต่างประเทศ ซึ่งพบมีพยานหลักฐาน และมี พ.ร.บ.ความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ ( M Rap) ก็สามารถรับฟังพยานหลักฐานได้ เพราะทางตำรวจฟินแลนด์คงไม่รู้จักคนไทย 

 

จากนั้นทางอัยการสูงสุด ในฐานะพนักงานสอบสวนร่วมกับดีเอสไอ ได้สอบสวนพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานทางวิทยาศาสตร์ และทั้ง 2 หน่วยมีความเห็นร่วมกัน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง ทั้งนี้ตามรายงานยังระบุว่าตำรวจประเทศฟินแลนด์ได้เข้ามาสอบในประเทศไทยหลายครั้ง แต่ไม่ขอพูดในรายละเอียด เพราะเกรงว่าจะมีความเสียหาย 

 

ซึ่งการทำงานของดีเอสไอพยายามยกระดับพนักงานสอบสวนให้มีความเชี่ยวชาญ โดยยึดถือพยานหลักฐานเป็นสำคัญ ที่สำคัญคือให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยืนยันว่าไม่มีการกลั่นแกล้งใคร 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ถูกฟ้องไม่มีผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ใช่หรือไม่ พ.ต.อ. ทวีกล่าวว่า เป็นธรรมดา ทุกคดีจะมีลักษณะแบบนี้ เราพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกคน หากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือคิดว่ามีพยานหลักฐานอะไรก็ชี้แจงได้ เพราะการสอบสวนของดีเอสไอ ตนได้สั่งการให้รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเพื่อพิสูจน์การกระทำผิดและความบริสุทธิ์ ยืนยันว่าไม่มีปัญหา 

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising