สิงคโปร์เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในช่วง 50 กว่าปีที่ผ่านมา ณ เวลาหนึ่งเราเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อมุ่งหมายช้อปปิ้ง ไปสวนสนุก USJ พอถึงยุคหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบตึกรามบ้านช่องสวยๆ ตามมาด้วยเทรนด์บินไปกินแหลกจากหลากของอร่อยตามรอยมิชลินไกด์ หรือเลือกเสพงานอาร์ตสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบศิลปะวัฒนธรรม
ไม่นานมานี้ การท่องเที่ยวสิงคโปร์เปิดแคมเปญใหม่ ‘Passion Made Possible’ ทุกความชอบที่ใช่ เป็นไปได้ที่สิงคโปร์ ผลักดันให้สิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางของทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง โดยเฉพาะการช้อปปิ้งแบบ ‘Collector’ ที่ลงลึกกว่าการบินไปสรรหาของถูก ของดี ติดไม้ติดมือกลับบ้าน แต่เป็นการเฟ้นหาผลงานชิ้นเอก ตามล่าของชิ้นโปรดที่แสดงความเป็นตัวตนออกมาแบบฉบับนักสะสม
สิงคโปร์เป็นสวรรค์สำหรับแบรนด์สินค้าชั้นนำ เต็มไปด้วยแฟลกชิปสโตร์และร้านค้าเอ็กซ์คลูซีฟจากแบรนด์ระดับท็อปที่เลือกสิงคโปร์เป็นสถานที่แห่งแรกในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หนึ่งในนั้นคือ Louis Vuitton กับคอนเซปต์สโตร์แห่งแรกในเอเชียอาคเนย์ที่รู้จักกันดีในนาม ‘Island Maison’ ไหนจะแบรนด์อื่นๆ อย่าง Off-White สตรีทแวร์ชื่อดังจากมิลาน, Victoria’s Secret, Muji, Uniqlo และ Apple Store เป็นต้น
เกริ่นมาขนาดนี้ THE STANDARD เกาะติดบินไปกับครอบครัว ‘อินทชัย’ ได้แก่ เวย์ ปริญญา, นานา ไรบีนา, บรู๊คลิน และบีน่า อินทชัย ในฐานะแพสชันแอมบาสเดอร์ ประจำปี 2561 ที่เราตระเวนร้านช้อปเพื่อคัดสรรแบรนด์ฮิปๆ มาให้คุณแล้ว ถ้าอยากได้ของดีระดับเทพ ปักหมุดไว้เลย
Limited Edt. Vault
Limited Edt. @ 313 Somerset
หากคุณเป็นคนรักและชื่นชอบสนีกเกอร์ ไม่มีที่ไหนจะสวรรค์ไปกว่าตึก 313 Somerset อีกแล้ว เพราะชั้น 3 และ 4 ของห้าง เป็นสถานที่ตั้งของแบรนด์ Limited Edt. ร้านขายรองเท้าผ้าใบสัญชาติสิงคโปร์ที่มีสาขาไปทั่วประเทศ ร้านนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนชอบสนีกเกอร์ว่า ถ้าอยากได้ของรุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน ระดับท็อป จับตัวยาก ไม่ว่าจะ Adidas, Nike, New Balance, Puma, Reebox ฯลฯ ให้มุ่งมาที่นี่ แค่ตึก 313 Somerset มีช็อปของแบรนด์อยู่ทั้งหมด 5 แห่ง แบ่งเป็น Limited Edt. Vault สำหรับสนีกเกอร์หายาก ตัวท็อป เน้นสินค้าที่ทำขึ้นเฉพาะกิจกับศิลปิน Limited Edt. Woman & Kids สำหรับผู้หญิงและรุ่นเยาว์ L.E. Underground สำหรับผู้ชื่นชอบสนีกเกอร์เท่ๆ แต่ราคาเอื้อมถึง Limited Edt. Ball Park สำหรับสายบาสเกตบอลโดยเฉพาะ และ L.E Way สำหรับสายสเกต เลือกกันให้ตาแฉะ ต้องมีติดไม้ติดมือกลับไปคนละคู่สองคู่แน่นอน
แมนดีป ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ Limited Edt.
มาร์ค ออง เจ้าของแบรนด์ SBTG
SBTG
ถ้าคุณรู้สึกว่ายังเท่ไม่พอ และอยากเพิ่มความ Swag ให้เต็มพิกัด แนะนำให้บุกบ้าน SBTG แบรนด์แฟชั่นนอกกระแสจาก มาร์ค ออง (Mark Ong) ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในย่าน Commonwealth ห่างจากออร์ชาร์ดไปประมาณ 15 นาทีเศษ มาร์คนำความขบถและความพังก์ในตัวเองถ่ายทอดลงสู่ผลงาน โดยเริ่มต้นจากการเพนต์ลวดลายพรางลงบนรองเท้าไนกี้ และเปิดขายทางออนไลน์ สร้างความฮือฮาแก่หมู่คนชอบสนีกเกอร์มาก จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของมาร์คในฐานะนักออกแบบลวดลายรองเท้าผ้าใบที่มีคนดังทั่วโลกสวมใส่มากคนหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นนักบาสเกตบอลที่เรารู้จักกันดีอย่าง โคบี ไบรอันต์
เสื้อผ้าหลากสไตล์ของ SBTG ส่วนใหญ่เน้นไปที่แนวทหารและลายพราง
นอกจากเลือกชมสินค้า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกั๊กเท่ๆ กระเป๋าทำมือ หมวก และรองเท้าแบบลิมิเต็ด ใครที่อยากไปเยี่ยม SBTG ถึงถิ่น แนะนำให้คุณติดต่อมาร์คไปล่วงหน้า เพื่อเข้าคอร์สเวิร์กช็อปเพนต์รองเท้าในแบบของตัวเอง มีคู่เดียวไม่มีใครเหมือน ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าเท่และดีมาก คอร์สนี้ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง และคิวจองยาวมาก คุณอาจต้องติดต่อล่วงหน้าประมาณ 3 เดือนอย่างต่ำ
Off-White
Off-White, Surrender, Christian Dada
กล่าวได้ว่า 268 Orchard Road เป็นตึกฮิปที่สุดอีกแห่งบนถนนออร์ชาร์ด ที่แม้ไม่ใหญ่โตเท่าห้างอื่น แต่คุณภาพเรายกให้เกินร้อย เพราะเป็นสถานที่ตั้งของ 3 แบรนด์สตรีทชื่อดัง Off-White, Surrender และ Christian Dada ภายใต้โครงสร้างแบบมินิมัลที่เน้นชูช็อปให้เด่นขึ้นตามฉบับของตน
บน: บรรยากาศช็อป Off-White
ล่าง: สินค้าในคอลเล็กชันเน้นความเท่แบบสตรีท
แบรนด์แรก Off-White สตรีทแวร์ชื่อดังจากมิลาน ก่อตั้งโดย เวอร์จิล อาเบลาะห์ ดีไซเนอร์ผิวสีผู้อยู่เบื้องหลังเสื้อผ้าผู้ชายแบรนด์ Louis Vuitton ที่เพิ่งเข้ามากุมบังเหียนได้ไม่นาน ช็อปนี้เป็น Off-White สาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และถ้าคุณกำลังหางานออกแบบร่วมกันระหว่าง Off-White กับแบรนด์อื่นๆ เช่น Nike, Jimmy Choo, Sunglass Hut, Vans ฯลฯ ที่นี่มีหมด
บรรยากาศหน้าช็อป Surrender
Surrender ร้านรวมสินค้าแนวสตรีทจากทั่วโลก มีทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ เน้นนำเข้าแบรนด์และศิลปินจากญี่ปุ่น นิวยอร์ก และแอลเอ โดยคัดเลือกสินค้าคุณภาพที่กำลังอยู่ในเทรนด์โลกและเข้าได้กับคนสิงคโปร์ ซึ่งก็มีทั้งแบรนด์ที่เรารู้จักกันดีอย่าง Nike, Adidas ไปจนถึงงานจากศิลปินมีชื่อที่น่าจับตามอง
เน้นจัดวางของให้เด่นและมีงานศิลปะแทรกแซม
Christian Dada
ช็อปสุดท้ายคือ Christian Dada แบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์ที่เกิดจากการตั้งชื่อล้อเลียนแบรนด์อื่นๆ ที่มักขึ้นต้นด้วยคำว่า Christian สินค้าของที่นี่จะเน้นโทนสีเข้มขรึม แพตเทิร์นแบบหลุดๆ ลุ่ยๆ ไม่เนี้ยบ แต่มีความเท่อยู่ในตัว ซึ่งราคาก็มีตั้งแต่ตัวละพันต้นไปจนถึงหลายหมื่นบาท
เสื้อผ้าสีเข้ม แพตเทิร์นหลุดลุ่ย และการตกแต่งแบบอาว็องการ์ด
เวย์ ไทเทเนียม กับ Dover Street Market
Dover Street Market
รีเทลชื่อดังจากลอนดอนที่เลือกใช้พื้นที่ในสิงคโปร์เปิดบ้านเป็นแห่งที่ 4 ของโลก ต่อจากลอนดอน โตเกียว และนิวยอร์ก พื้นที่กว่า 460 ตาราเมตรเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ COMO Dempsery ศูนย์รวมของไลฟ์สไตล์กว่าหมื่นตารางเมตรที่ร่วมกันสร้างสรรค์ระหว่าง Club 21 และ DSM International
บน: แบรนด์ Gucci ถ้าตัวไหนเป็นคอลเล็กชันพิเศษสำหรับ Dover จะมีฉลากสีแดง
ล่าง: บรรยากาศภายในช็อป เน้นโชว์สิ่งของ และความเรียบเท่
นอกจากไอเท็มเก่าที่ยังสามารถหาซื้อได้จากที่นี่อยู่ ความเจ๋งอีกอย่างของ Dover Street คืองานออกแบบจากแบรนด์ดังที่คุณสามารถหาซื้อได้จากที่นี่เท่านั้น กล่าวคือออกแบบมาเพื่อ Dover Street ที่เดียว ไม่เปิดขายตามช็อปปกติ ไม่ว่าจะเป็น Craig Green แบรนด์เสื้อผ้าผู้ชายจากลอนดอน Namacheko สำหรับหนุ่มๆ สายมินิมัลจากประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงแบรนด์มีชื่ออย่าง Céline, Balenciaga, Gucci และ COMME des GARÇONS ด้วย
โซนรองเท้าสุภาพสตรี Pedder Red
Pedder on Scotts
หาก Limited Edt. เป็นสวรรค์ของคนชื่นชอบสนีกเกอร์ Pedder on Scotts ก็เป็นสวรรค์ของคนชื่นชอบรองเท้าชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะคุณสุภาพสตรีที่มีรองเท้าให้เลือกมากเป็นหมื่นๆ คู่ มีทุกรูปแบบ รูปทรง ทั้งจากแบรนด์ดัง เช่น Jimmy Choo, Christian Louboutin, Alexander Wang ฯลฯ ไปจนถึงแบรนด์ท้องถิ่น
บรรยากาศช็อป Pedder on Scotts
ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของตึก Scotts Square พื้นที่ 20,000 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 6 โซนใหญ่ ได้แก่ Pedder Red เน้นขายรองเท้าสุภาพสตรีและเครื่องประดับหรู Pedder Men รองเท้าสำหรับบุรุษโดยเฉพาะ New Generation วางขายรองเท้าแนวสตรีท Weekend & Sports รองเท้าผ้าใบกีฬาดีไซน์ล้ำสมัย Cool Kids รองเท้าสำหรับรุ่นเยาว์ทรงเฟี้ยวฟ้าว และโซน Kiosks จัดแสดงงานศิลปะและขายสินค้าประเภทของที่ระลึกและอาหารโดยเฉพาะ
Bynd Artisan
Bynd Artisan
บนชั้นเดียวกันกับ Pedder on Scotts ตรงหัวมุมตรงข้ามร้านกาแฟ เป็นสถานที่ตั้งของร้าน Bynd Artisan แบรนด์เครื่องเขียนที่เราสามารถเลือกแบบได้ตามใจฉัน คนสิงคโปร์นิยมมากเพื่อให้เป็นของขวัญหรือเลือกเป็นสมุดดีๆ สักเล่ม วิธีการคือเลือกได้เองหมด ตั้งแต่แบบปกไปจนถึงฟอนต์และเนื้อกระดาษ จะปกลายไม้ ห่อหุ่มผ้าไหม เนื้อกระดาษสีเข้มอ่อน เฉดใด สีของกระดูกงู กระดุมยึดสมุด เมื่อเดินหยิบเดินเลือกจนพอใจ ทางร้านจะทำการประกอบร่าง และบรรจุลงกล่องเป็นอันเสร็จ
เลือกเนื้อกระดาษ ปก ลาย และนำมาประกอบ
K+ Curatorial Space ส่วนร้านค้า
K+ Curatorial Space
นอกจากรองเท้าและสมุดจดแบบสั่งได้ บนชั้น 3 ของตึก Scotts Square ยังมีอีกหนึ่งร้านที่น่าสนใจ K+ Curatorial Space ร้านรวมสินค้านอกกระแสจากทุกมุมโลกที่แบ่งพื้นที่บางส่วนเป็นแกลเลอรีจัดแสดงงานศิลปะไว้ให้ศิลปินท้องถิ่นมีพื้นปล่อยของ ตัวร้านตกแต่งแบบง่ายๆ เป็นโทนสีอ่อน ของที่ให้เลือกซื้อหาก็มีตั้งแต่ของกุ๊กกิ๊กไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์คุณภาพ ตัวอย่างเช่น ของแต่งบ้านแบรนด์ Muin ที่มีจุดเด่น สร้างสรรค์งานโดยใช้เศษกระเบื้องปูพื้น Schaffen ที่ทำนาฬิกาข้อมือแบบ Customized ให้เราเลือกออกแบบนาฬิกาเองทุกขั้นตอน อยากได้สายแบบไหน หน้าปัดแบบใด ไปจนถึงของแบรนด์ดังมีชื่ออย่าง Freitag และ Aesop ด้วย
บน: บรู๊คลิน นานา และบีน่า กับงานศิลปะโซนแกลเลอรี
ล่าง: สินค้าภายในร้าน มีทั้ง Freitag และของตกแต่งบ้าน
หน้าร้าน Malmaison
Malmaison by The Hour Glass
ร้านนาฬิกาหรูบนถนนออร์ชาร์ด ที่ดึงดูดใจเรามากถึงมากที่สุด บริหารงานโดย The Hour Glass Limited กรุ๊ปบริษัทรีเทลนาฬิกาที่มีชื่อเสียงมากในทวีปเอเชีย Malmaison เป็นช็อปพิเศษที่ได้รับการตกแต่งแบบพิถีพิถัน หรูหราแบบฝรั่งเศสยุคพระเจ้านโปเลียนและพระมเหสีโจเซฟีน
บรรยากาศภายในช็อป หรูหรา
พื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 2 ชั้น โดยชั้นแรกโอ่อ่าด้วยไม้สีเข้ม เครื่องดนตรีโบราณของ Reuge จากศตวรรษที่ 14 และเทียนหอมของ Cire Trudon ชั้นสองเปลี่ยนบรรยากาศเน้นใช้แสงธรรมชาติ สีเขียวมาช่วยให้ปลอดโปร่ง แน่นอนว่าที่นี่จำหน่ายนาฬิกาหรูหลากยี่ห้อ อาทิ Cartier, Piaget, Harry Winston, Rolex, IWC Schaffhausen และ Patek Philippe นอกจากนี้ยังมีน้ำหอมเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ Frédéric Malle และกล้อง Leica รุ่นลิมิเต็ดด้วย
บน: กล้อง Leica รุ่นลิมิเต็ดที่ขายเฉพาะ The Hour Glass เท่านั้น
ล่าง: บรรยากาศร้านบนชั้นสองและนาฬิกาเรือนแพง
Photos: พลอยจันทร์ สุขคง, การท่องเที่ยวสิงคโปร์