×

อนุทินสั่งทุกหน่วยงานเร่งช่วยน้ำท่วมภาคใต้ พร้อมส่งทีม SEhRT ศูนย์อนามัยลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์ และจัดตั้งจุดอพยพชั่วคราว 6 จุด

โดย THE STANDARD TEAM
27.12.2023
  • LOADING...

วันนี้ (27 ธันวาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ว่า กระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และสงขลา แต่จังหวัดนราธิวาสหนักสุด อพยพประชาชนออกมายังศูนย์พักพิง ซึ่งเป็นอาคารที่ให้มาพักอาศัย มีอาหาร และปลอดภัยจากอุบัติภัยน้ำท่วม อีกทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกพื้นที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เร่งดำเนินการช่วยเหลือ ส่วนงบประมาณก็จะลงไปดูในพื้นที่อย่างเต็มที่ 

 

นอกจากนี้ เกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงพื้นที่ 2 วันแล้ว และนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดที่เกิดเหตุตั้งแต่เมื่อวานนี้ (26 ธันวาคม) ซึ่งให้การช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในพื้นที่อย่างเต็มกำลัง

 

ประสานพื้นที่เร่งดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชน

 

ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 5 จังหวัด ได้แก่ สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 32 อำเภอ 164 ตำบล 890 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 68,941 ครัวเรือน ประสานพื้นที่เร่งให้การช่วยเหลือประชาชนแล้ว

 

ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า สถานการณ์มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณเกาะสุมาตราและทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้ระหว่างวันที่ 22-27 ธันวาคม 2566 มีสถานการณ์น้ำท่วมใน 5 จังหวัด ได้แก่ สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 32 อำเภอ 165 ตำบล 922 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบจำนวน 71,401 ครัวเรือน 

 

น้ำท่วมหนัก 5 จังหวัดภาคใต้ 

 

โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ รวม 5 จังหวัด 32 อำเภอ 164 ตำบล 890 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 68,941 ครัวเรือน ได้แก่

 

  1. จังหวัดสตูล เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 1 อำเภอ ได้แก่ อำเภอควนโดน รวม 4 ตำบล 16 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 1,801 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง 

 

  1. จังหวัดสงขลา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคลองหอยโข่ง อำเภอสะบ้าย้อย และอำเภอรัตภูมิ รวม 9 ตำบล 29 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 836 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง 

 

  1. จังหวัดปัตตานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปัตตานี อำเภอกะพ้อ อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอหนองจิก อำเภอโคกโพธิ์ อำเภอไม้แก่น อำเภอยะรัง และอำเภอสายบุรี รวม 30 ตำบล 95 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 8,360 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง 

 

  1. จังหวัดนราธิวาส เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแว้ง อำเภอสุคิริน อำเภอจะแนะ อำเภอระแงะ อำเภอสุไหงปาดี อำเภอศรีสาคร อำเภอยี่งอ อำเภอเจาะไอร้อง อำเภอรือเสาะ อำเภอเมืองนราธิวาส อำเภอบาเจาะ อำเภอตากใบ และอำเภอสุไหงโก-ลก รวม 70 ตำบล 457 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 39,604 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

 

  1. จังหวัดยะลา น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอธารโต อำเภอยะหา อำเภอบันนังสตา อำเภอเมืองยะลา อำเภอกาบัง อำเภอรามัน และอำเภอกรงปินัง ยกเว้นอำเภอเบตง รวม 51 ตำบล 293 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 18,340 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง 

 

ภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำลดลงเกือบทุกพื้นที่ สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน 

 

จัดตั้งจุดอพยพชั่วคราว 6 จุด

 

โดยจัดตั้งจุดอพยพให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเข้าพักชั่วคราวจำนวน 6 จุด แจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม และถุงยังชีพให้แก่ประชาชนในพื้นที่รวมกว่า 189,000 ชุด และระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เช่น เครื่องสูบน้ำจำนวน 31 เครื่อง รถบรรทุกเครื่องสูบน้ำระยะไกลจำนวน 5 คัน รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยจำนวน 5 คัน รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยจำนวน 14 คัน รถผลิตน้ำดื่มจำนวน 4 คัน รถขุดตักไฮดรอลิกจำนวน 1 คัน และเรือท้องแบนจำนวน 18 ลำ เพื่อแก้ไขปัญหา เร่งระบายน้ำ และบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

 

แจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง 

 

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทาง LINE ‘ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784’ โดยเพิ่มเพื่อน LINE ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT

 

เร่งส่งทีม SEhRT ศูนย์อนามัยลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้

 

พญ.อัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากรายงานข้อมูลสถานการณ์ฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา และสตูล ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน สถานที่ราชการต่างๆ รวมถึงพื้นที่ทางการเกษตร โดยเฉพาะจังหวัดนราธิวาสได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก ทั้งนี้ หลายพื้นที่มีการตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่แล้ว 

 

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เร่งส่งทีมปฏิบัติการด้านส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม (ทีม SEhRT กรมอนามัย) ศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา ร่วมกับทีมจังหวัดลงพื้นที่เฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ประสบภัยของภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดนราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา และสตูล ที่มีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก เน้นสนับสนุนการจัดการด้านสุขาภิบาล สุขอนามัย และอนามัยสิ่งแวดล้อม ลดความเสี่ยงสุขภาพประชาชน

 

สำหรับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายทีมภารกิจด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม หรือทีม SEhRT ของศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา สนับสนุนการจัดการด้านสุขาภิบาล สุขอนามัย และอนามัยสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ชุดเราสะอาด (V-Clean) ชุดทดสอบภาคสนาม ประเมินความเสี่ยงการปนเปื้อนเชื้อโรคในอาหารและน้ำ เพื่อประเมินและเฝ้าระวังความเสี่ยงสุขภาพประชาชนอย่างเร่งด่วนแล้ว

 

ตั้งศูนย์อพยพดำเนินการภายใต้หลัก 3S 

 

ด้าน นพ.อรรถสิทธิ์ แดงมณี ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา กล่าวว่า ทีม SEhRT กรมอนามัย ของศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา ได้ประสานงานและเตรียมความพร้อมในการลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อประเมินสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือ โดยในศูนย์อพยพดำเนินการภายใต้หลัก 3S คือ 

 

  1. Survey สำรวจเตรียมการจัดกระบวนการเฝ้าระวัง 
  2. Surveillance กำหนดผังงานและระบบที่ดี 
  3. System ส่งทีมภารกิจปฏิบัติการด้านส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมของศูนย์อนามัย ช่วยสนับสนุนการสำรวจ ประเมินด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม จัดเตรียมสถานที่ รวมถึงการจัดการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในศูนย์อพยพให้ได้มาตรฐาน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ลดความเสี่ยงโรคจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X