วันนี้ (19 ธันวาคม) ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงรายละเอียดมาตรการแก้หนี้ในระบบ ซึ่งกระทรวงการคลังมีแนวทางในการช่วยลูกหนี้ โดยแบ่งลูกหนี้ในระบบออกเป็น 4 กลุ่ม และมีมาตรการเข้าแก้ปัญหา 10 มาตรการ ซึ่งประชาชนสามารถติดต่อรับการช่วยเหลือได้ดังนี้
กลุ่มที่ 1 ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 จำนวน 2 มาตรการ
1.1 มาตรการช่วยลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ตามโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 หรือลูกหนี้ NPL รหัส 21 เพื่อติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ตามสมควร ตามด้วยการช่วยเหลือแก่ลูกหนี้เพื่อให้ไม่เป็น NPLs หรือหมดภาระหนี้สินตามโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.
1.2 มาตรการพักหนี้ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs ของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท และเป็น NPLs รหัส 21 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้ SMEs ผ่อนได้อย่างน้อย 3 เดือน และลูกหนี้จะได้รับการพักชำระต้นเงินไม่เกิน 1 ปี รัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี สามารถติดต่อได้ที่ธนาคารออมสิน, ธ.ก.ส., ธอส., ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย, SME Bank, EXIM และ บสย.
กลุ่มที่ 2 มีรายได้ประจำแต่ภาระหนี้เกินกำลังจ่าย จำนวน 4 มาตรการ
2.1 โครงการสินเชื่อสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อแก้ไขหนี้บุคลากรภาครัฐ เพื่อลูกหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ของส่วนราชการ เพื่อให้ธนาคารออมสินสนับสนุนสภาพคล่องให้สหกรณ์ที่ต้องการช่วยสมาชิกเพื่อเสริมสภาพคล่องและนำไป ‘ปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยพิเศษกับลูกหนี้’ และ ‘รีไฟแนนซ์หนี้รายย่อยจากออมสินไปรวมหนี้เป็นหนี้สหกรณ์’ สามารถติดต่อได้ที่ธนาคารออมสิน
2.2 โครงการสินเชื่อสวัสดิการข้าราชการและบุคลากรภาครัฐอัตราดอกเบี้ยพิเศษช่วยเหลือข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ เพื่อข้าราชการและบุคลากรภาครัฐสามารถขอสินเชื่อสวัสดิการ ‘อัตราดอกเบี้ยพิเศษ’ ได้แก่ สินเชื่อเคหะ (ซื้อหรือต่อเติมซ่อมแซมที่อยู่อาศัย), สินเชื่อสวัสดิการ (สำหรับการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคหรือชำระหนี้สินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น) และสินเชื่ออเนกประสงค์ สามารถติดต่อได้ที่ธนาคารออมสิน
2.3 โครงการคลินิกแก้หนี้สำหรับลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ช่วยเหลือลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่เป็นหนี้เสีย เพื่อเจ้าหนี้บัตรเครดิตรายใหญ่เกือบทั้งหมดจะนำเงินต้นคงค้างทำตารางผ่อนชำระใหม่ให้ยาวถึง 10 ปี และลดดอกเบี้ยจากร้อยละ 16-25 เหลือเพียงร้อยละ 3-5 ตามเงื่อนไข สามารถติดต่อได้ที่คลินิกแก้หนี้โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM)
2.4 มาตรการช่วยเหลือให้มีรายได้คงเหลือเพียงพอดำรงชีพ ช่วยเหลือข้าราชการ เพื่อผลักดันการตัดเงินเดือนเพื่อชำระหนี้ข้าราชการในสังกัด โดยต้องมีเงินเดือนคงเหลืออย่างน้อยร้อยละ 30 ให้พอต่อการดำรงชีพ สามารถติดต่อได้ที่ส่วนราชการต้นสังกัด
กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน จำนวน 3 มาตรการ
3.1 มาตรการพักหนี้เกษตรกร ช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อพักหนี้เกษตรกร หนี้คงเหลือทุกสัญญารวมกันไม่เกิน 300,000 บาท สามารถติดต่อได้ที่ ธ.ก.ส.
3.2 มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้ลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ช่วยเหลือลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้ลีสซิ่ง เพื่อกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผลักดันให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ออกประกาศเพื่อช่วยลูกหนี้เช่าซื้อ โดยกำหนดเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อ กำหนดเพดานดอกเบี้ยผิดนัด ลดดอกเบี้ยเมื่อนำเงินมาปิดบัญชี สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
3.3 มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ กำหนดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 2 ต่อปี และเบี้ยปรับไม่เกินร้อยละ 1 ต่อปี, ปรับลำดับการหักเงิน เป็นเงินต้น-ดอกเบี้ย-เบี้ยปรับ, ยกเลิกผู้ค้ำประกันการกู้ยืม, ปรับเงื่อนไขสามารถชำระหนี้แบบรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปีได้ สามารถติดต่อได้ที่ กยศ.
กลุ่มที่ 4 กลุ่มหนี้เสียเรื้อรัง จำนวน 1 มาตรการ
4.1 ช่วยเหลือลูกหนี้โดยบริษัทร่วมทุนระหว่าง SFIs และบริษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) ช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย เพื่อจัดตั้งกิจการร่วมทุนระหว่าง SFIs และ บบส. (JV AMC) โอนหนี้บางส่วนของ SFIs ไปยัง JV AMC โดยการปรับโครงสร้างหนี้หรือตัดหนี้บางส่วนให้กับลูกหนี้ เพิ่มความคล่องตัวในการช่วยเหลือลูกหนี้ และเพิ่มความยืดหยุ่นในการแก้ไขปัญหาให้กับลูกหนี้ สามารถติดต่อได้ที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ