ซื้อเงินเยน ชอร์ตหุ้นอสังหาและธนาคารจีน รวมทั้งสะสมหุ้นอินเดียและอินโดนีเซีย คือคำแนะนำเบื้องต้นในการลงทุนปี 2024 ของผู้จัดการกองทุนชื่อดังในเอเชีย และเชื่อว่าการจัดสรรสินทรัพย์ในปีหน้านั้นจะไม่ยากลำบากมากนัก
ภายในปีนี้ที่ผ่านมา โลกการลงทุนต้องเผชิญกับเรื่องที่ประหลาดใจมากมาย ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่น่าผิดหวัง อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี และความตึงเครียดทางการเมืองทั่วโลกที่เกิดจากสงครามสองครั้ง
ในขณะเดียวกันเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่มากกว่า 5% กำลังบั่นทอนความน่าดึงดูดในการซื้อขายหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนสูงซึ่งเคยเป็นที่นิยมในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียที่มีประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ใหญ่ที่สุดสองแห่ง นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าภูมิภาคเอเชียอาจเป็นแสงสว่างในปีหน้า เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มการเติบโตและการกำหนดนโยบายที่ค่อนข้างผ่อนคลาย
Wylie Tollette ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Franklin Templeton Investment Solutions ระบุว่า เอเชียอาจกลับมาเป็นดาวเด่นอีกครั้งในปีหน้า จากผลตอบแทนพันธบัตรที่เป็นบวกเนื่องจากหลายประเทศในภูมิภาคนี้อยู่ในวงจรนโยบายที่เข้มงวดกว่าประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกา
คำแนะนำการลงทุนในปี 2024 บางส่วนที่รวบรวมจากผู้จัดการกองทุนที่ Allianz Global Investors, Fidelity International, Principal Asset Management, Janus Henderson Investors และอื่นๆ ระบุไว้ดังนี้
ซื้อเงินเยน
นักลงทุนจำนวนมากเคยมองบวกต่อเงินเยนเมื่อปีที่แล้ว แต่สกุลเงินญี่ปุ่นกลับอ่อนค่าลงประมาณ 10% ในปีนี้ เนื่องจาก Fed ส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยจะคงอยู่ในระดับสูงไปอีกนาน ผู้จัดการกองทุนกำลังเดิมพันว่าปี 2024 จะเป็นปีที่แตกต่างออกไป เพราะในที่สุดธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BOJ) จะถูกบังคับให้ยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ
Zijian Yang หัวหน้าฝ่ายสินทรัพย์ผสมในเอเชียแปซิฟิกของ Allianz Global Investors ซึ่งให้น้ำหนัก Overweight ต่อเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเงินเยนถูกประเมินมูลค่าในราคาถูกอย่างมาก และยังคงอยู่มาอย่างยาวนาน ถึงเวลาแล้วที่เงินเยนจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนในปีหน้า
เช่นเดียวกับ Pacific Investment Management ที่กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า กำลังซื้อเงินเยนจากการเดิมพันว่า BOJ จะถูกกดดันให้ดำเนินนโยบายที่เข้มงวดขึ้นเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ RBC BlueBay Asset Management ก็ได้ปรับการคาดการณ์ค่าเงินเยนให้แข็งค่าขึ้นเช่นกัน
ชอร์ตพันธบัตรญี่ปุ่น
ในทางกลับกัน เงินเยนที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจะทำให้ราคาพันธบัตรญี่ปุ่นลดลง เห็นได้จากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจาก BOJ ได้ผ่อนคลายนโยบายการควบคุมอัตราผลตอบแทนแม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นก็ตาม
การเก็งกำไรในพันธบัตรญี่ปุ่นเริ่มปรากฏให้เห็นชัดขึ้น โดยเฉพาะการชอร์ตพันธบัตรที่อาจเห็นผลในปี 2024 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้เกิดแรงกดดันต่อ BOJ ที่ต้องดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไป
George Efstathopoulos ผู้จัดการกองทุนของ Fidelity International เลือกที่จะไม่ถือพันธบัตรใดๆ ของญี่ปุ่น และเปิดเผยว่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ปกติที่ผู้คนจะไม่ชอร์ตพันธบัตรญี่ปุ่น แต่นั่นอาจไม่ใช่เรื่องที่แน่นอนแล้วในอนาคต
ซื้อหุ้นอินเดีย
ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวอย่างมากในปีนี้ โดยทั้งดัชนี Nifty 50 และ Sensex ไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนจำนวนมากคาดว่าจะเพิ่มระดับการลงทุนขึ้นต่อไปเนื่องจากการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง การลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น และความคาดหวังที่นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี จะชนะการเลือกตั้งใหม่ในการเลือกตั้งทั่วประเทศในปีหน้า
Seema Shah หัวหน้านักยุทธศาสตร์ระดับโลกของ Principal Asset Management กล่าวว่า ปัจจัยบวกที่สำคัญสำหรับอินเดียคือแนวโน้มพื้นฐานสำหรับการเติบโต ปัจจุบันนักลงทุนมีความมั่นใจและมองแง่ดี ซึ่งที่ผ่านมานั้นยังไม่เคยเกิดขึ้นจริง ตลาดทุนของอินเดียยังขึ้นอยู่กับการพัฒนาภายในประเทศมากกว่าการพัฒนาในระดับโลก ซึ่งจะช่วยเสริมการป้องกันหากมีความกังวลเพิ่มเติมจากจีน
ชอร์ตหุ้นอสังหา-ธนาคารจีน
ปี 2023 นับเป็นปีที่เลวร้ายสำหรับหุ้นจีน และนักวิเคราะห์หลายคนยังคาดว่าหุ้นจีนจะเผชิญกับการขาดทุนเพิ่มเติมในบางภาคส่วนอีกในปีหน้า เช่น Morgan Stanley ที่มองว่าแม้หุ้นจีนจะมีผลการดำเนินงานที่สอดคล้องกับภูมิภาคเอเชีย แต่ยังคงให้น้ำหนักลงทุนน้อยต่อหุ้นผู้พัฒนาอสังหาและธนาคาร
ยอดขายที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่ในขณะที่ความไม่แน่นอนของการผิดนัดชำระหนี้จากผู้พัฒนาอสังหาในตลาด Offshore อาจเพิ่มความผันผวนให้ภาคอสังหาจีน Laura Wang และ Jonathan Garner นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley เขียนไว้ในรายงานแนวโน้มหุ้นจีนประจำปี 2024 ที่เผยแพร่เมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ผู้จัดการกองทุนหลายคนยังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นอินโดนีเซียมากขึ้น โดยมองว่ามีปัจจัยบวกคล้ายอินเดีย เช่นเดียวกับโลหะมีค่า ตั้งแต่นิกเกิลไปจนถึงอะลูมิเนียม จากการผลักดันที่มากขึ้นของการเปลี่ยนผ่านไปสู่สีเขียว (Green Transition) ในเวทีโลกและยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
ในทางกลับกันยังแนะนำให้ชอร์ตหุ้นกู้ผลตอบแทนสูง โดยเฉพาะในเอเชีย เนื่องจากมองว่าปัจจัยที่เป็นแรงกดดันอย่างวิกฤตอสังหาของจีนยังคงอยู่ เส้นทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อในการลดอัตราดอกเบี้ยยังหมายความว่าผู้ออกตราสารหนี้ที่อ่อนแอจะเผชิญกับความเสี่ยงในการรีไฟแนนซ์ที่สูงขึ้น
อ้างอิง: