×

จับทางผู้ประกอบการสตาร์ทอัพสายคริปโต ทำไมจึงเลือกที่จะเปลี่ยนโฉมธุรกิจและหันไปพึ่งเทรนด์ AI แทน?

08.11.2023
  • LOADING...

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2021 ที่คำว่า ‘คริปโต’ ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลายทั้งในหมู่คนทั่วไปและภาคธุรกิจ โดยในปีนั้นหัวข้อเกี่ยวกับ ‘คริปโต’ เป็นสิ่งที่ผู้คนพูดคุยกันมากที่สุดถึง 6.6 ล้านครั้งบนเว็บไซต์ Reddit เว็บบอร์ดที่รวบรวมกระทู้สนทนาใหญ่ที่สุดของโลก

 

เมื่อผู้คนให้ความสนใจมากขนาดนั้น คนที่มีหัวธุรกิจบางกลุ่มก็ยากที่จะมองข้ามโอกาสในการสร้างบริษัทเพื่อจะเกาะไปกับเทรนด์ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนและผู้คนจำนวนมากกำลังคลั่งไคล้ แต่แล้วผู้ประกอบการหน้าใหม่สายคริปโตจำนวนมากก็ต้องกลับลำตั้งแต่ช่วงกลางปี 2022 เมื่อบรรยากาศที่ร้อนแรงของโลกคริปโตเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาวอันรุนแรง

 

Wall Street Jounal ได้สัมภาษณ์หนึ่งในผู้ประกอบการสตาร์ทอัพนามว่า Chris Horne ที่ได้รับเงินระดมทุนระยะเริ่มต้น (Seed Round) มา 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเปิดบริษัท Filta ที่ตอนแรกตั้งใจเป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย Non-Fungible Tokens (NFT) แต่เมื่อความคิดของผู้คนต่อ ‘คริปโต’ ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว Chris ก็จำที่จะต้องเปลี่ยน โดยเขาโยนไอเดียแพลตฟอร์ม NFT ทิ้งไปและหันมาโฟกัสกับอุตสาหกรรมใหม่ที่น้อยคนจะไม่รู้จักในตอนนี้อย่าง AI

 

Chris เป็นหนึ่งคนในกลุ่มผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่ละทิ้งธุรกิจคริปโตของพวกเขาเพื่อไปทำสิ่งที่เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์แทน เนื่องจากในปัจจุบันความสามารถของการสร้างรายได้ระหว่าง 2 อุตสาหกรรมที่ห่างกันค่อนข้างมาก จากการที่ Wall Street Jounal ได้พูดคุยกับนักลงทุนและนักวิเคราะห์พวกเขามองว่า ผู้ประกอบการได้ปรับโครงสร้างบริษัทสตาร์ทอัพของใหม่เพื่อหวังจะได้ประโยชน์จากกระแสในตอนนี้ โดยข้อมูลจาก PitchBook เผยว่า บริษัทคริปโตเดิมหลายแห่งได้ผันตัวกลายไปเป็นบริษัท AI แล้ว

 

ประเด็นนี้ทำให้นักลงทุนสนับสนุนสตาร์ทอัพอย่าง Pete Flint ไม่สบายใจ เพราะผู้ประกอบการสตาร์ทอัพบางกลุ่มตั้งใจฉวยโอกาสเพียงเพราะต้องการจะทำเงิน “คนกลุ่มนี้มีแต่จะมองหาช่องทางการทำกำไรเร็วๆ เปลี่ยนจากคริปโตมา AI ซึ่งก็เหมือนอย่างที่เคยเกิดกับกระแสคริปโตในตอนนั้นแหละ”

 

อย่างไรก็ตาม คนที่เห็นต่างอย่าง Paul Hsu ซีอีโอของบริษัท VC ที่สนับสนุนคริปโต กลับชี้ให้เห็นถึงความเป็นเหตุเป็นผลในการตัดสินใจเลือก ‘ทิ้งของเดิมออกไป รับของใหม่เข้ามา’ ของสตาร์ทอัพว่า ปัจจัยหลักที่สำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจประเภทนี้อยู่ที่การปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้นการที่สตาร์ทอัพจะหันออกจากสิ่งที่คนไม่ต้องการมาสู่เทคโนโลยีที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มหาศาล การตัดสินใจเช่นนั้นก็มิใช่เรื่องผิดอะไร

 

จากจำนวนผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้นที่ตอนแรกต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับคริปโตและ Paul ได้มีโอกาสพูดคุยในแต่ละสัปดาห์ เขาพบว่า 10% ของผู้ประกอบการหน้าใหม่เหล่านี้เบนความสนใจไปที่ AI แทนแล้ว

 

ในช่วงที่คริปโตอยู่ในยุคทอง ผู้ประกอบการสามารถหาเงินระดมทุนมาอย่างง่ายดายผ่านไอเดียธุรกิจแบบคร่าวๆ แต่ความง่ายแบบนั้นได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว มูลค่าเงินทุนที่ VC จัดสรรไว้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2023 สำหรับสนับสนุนสตาร์ทอัพสายคริปโตลดลงไปกว่า 86% จากจุดสูงสุดในไตรมาสแรกของปี 2022

 

สำหรับ Filta ที่ก่อตั้งขึ้นโดย Chris ความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันทำให้เขาได้กลับมาทบทวนทิศทางอนาคตของบริษัทอีกครั้งเมื่อธุรกิจ NFT ที่เคยทำแทบจะไม่มีคนสนใจแล้ว และหลังจากที่เขากับทีมร่วมกันประเมินถึงสิ่งที่จะกอบกู้ธุรกิจให้กลับมาอีกครั้งนั้น พวกเขาก็ได้คำตอบว่าสิ่งนั้นคือ AI

 

จนในที่สุด Filta ก็ได้ออกแอปพลิเคชันมาหนึ่งตัวชื่อว่า Zoo Pals ที่ให้ผู้ใช้งานสร้างสัตว์เลี้ยง AI สำหรับการซัพพอร์ตจิตใจในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

 

ตัวอย่างสัตว์เลี้ยง AI ของแอปพลิเคชัน Zoo Pals บน Apple App Store

ตัวอย่างสัตว์เลี้ยง AI ของแอปพลิเคชัน Zoo Pals บน Apple App Store

 

“ผมไม่ได้หนีออกจากคริปโตมาสู่กระแสของ AI เพราะเพียงอยากจะให้ธุรกิจทำเงินเร็วๆ แต่สิ่งที่เรายึดถือคือการสร้างสิ่งที่ผู้คนต้องการต่างหาก” Chris กล่าวถึงการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนสายธุรกิจของเขา และมากไปกว่านั้น การเข้ามาเล่นในสังเวียนธุรกิจ AI ยังช่วยให้เขาตัดต้นทุนไปได้อีกมาก ซึ่งทำให้ Filta มีเงินสดเหลือเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปแบบไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุนอีกกว่า 2 ปีเลยทีเดียว

 

ประสบการณ์ของ Chris เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในวงการสตาร์ทอัพที่เกิดขึ้นตลอดเวลา โดยแต่ละครั้งมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ดังนั้นความสามารถในการปรับตัวให้ตอบโจทย์กับสภาพแวดล้อมและความต้องการในตลาดที่เปลี่ยนไป จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะให้สตาร์ทอัพเดินหน้าต่อได้

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X