วันนี้ (7 พฤศจิกายน) รังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กเปิดเผยว่า ตนเพิ่งรับทราบกรณี อุปกิต ปาจรียางกูร สว. ได้ฟ้องตนเพิ่มอีก 1 คดี เป็นคดีแพ่ง ข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท
“การที่อุปกิตฟ้องคดีตนในครั้งนี้รวมถึงคดีก่อนหน้าเป็นการฟ้องเพื่อตั้งใจกลั่นแกล้ง และในฐานะที่อุปกิตเป็นนักการเมือง เป็น สว. ซึ่งต้องสามารถถูกตรวจสอบได้ไม่ว่าจะจากภาคส่วนไหน ดังนั้นการฟ้องผมครั้งนี้จึงมองเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากว่าอุปกิตต้องการฟ้องปิดปาก ไม่ต้องการถูกตรวจสอบ รวมทั้งอาจใช้โอกาสนี้พยายามวิ่งเต้นคดีต่อไปอีกด้วย”
รังสิมันต์ระบุว่า ข้อมูลต่างๆ ที่ตนนำมาชี้แจงให้ประชาชนทราบเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในสังคม เป็นข้อหาที่มีการแจ้งต่ออุปกิตจริง ไม่ว่าจะเป็นข้อหาฟอกเงิน อาชญากรข้ามชาติ รวมทั้งข้อหาสมคบค้ายาเสพติด ที่ตนก็ยังไม่ทราบว่าอุปกิตได้ไปรายงานตัวกับพนักงานสอบสวนแล้วหรือไม่ ตอนนี้ปิดสมัยประชุมแล้ว ถ้าอุปกิตยังไม่ไปตามหมายเรียก ตนจะติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมอย่างใกล้ชิดว่าจะมีการออกหมายจับอุปกิตในข้อหาสมคบค้ายาเสพติดต่อไปหรือไม่
รวมทั้งคำขอคุ้มครองชั่วคราวที่ได้ขอมานั้นคือประจักษ์พยานที่ชัดเจนที่สุดว่าไม่ต้องการให้ตนนำเรื่องที่นักการเมืองระดับ สว. ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาชี้แจงให้สังคมได้รับทราบ ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมควรติดตามอย่างใกล้ชิด เป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติอย่างร้ายแรง
ทำไมอุปกิตฟ้องรังสิมันต์
ย้อนกลับไปช่วงดึกของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี รังสิมันต์ได้ลุกขึ้นอภิปรายในหัวข้อ ‘เช็กบิลไทยดำ-จีนเทา’ โดยมีตัวละครสำคัญคือ สว.ทรงเอ ซึ่งเชื่อมโยงเครือข่ายยาเสพติด ทุนจีนสีเทา และที่ดินซึ่งเป็นที่ทำการของพรรครวมไทยสร้างชาติ
ให้หลังเพียง 2 วัน 17 กุมภาพันธ์ 2566 อุปกิตส่ง เรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ยื่นฟ้องรังสิมันต์ในข้อหาหมิ่นประมาทจากการอภิปรายดังกล่าว พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 100 ล้านบาท
ก่อนที่ในครั้งนี้อุปกิตจะฟ้องรังสิมันต์เรียกค่าเสียหายอีก 20 ล้านบาทในข้อหาเกี่ยวกับการละเมิด
สว.อุปกิตคือใคร
อุปกิต ปาจรียางกูร ปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภา จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย Skidmore College Saratoga Springs สหรัฐอเมริกา และปริญญาโท ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม จาก Vrije Universiteit Brussel (VUB) ประเทศเบลเยียม
ต่อมาเข้ารับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ และดำรงตำแหน่งนักการทูตระดับชำนาญการ ประจำสำนักเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนตัดสินใจลาออก
หลังจากลาออกจากกระทรวงการต่างประเทศ เขาได้ทำธุรกิจโรงแรม-คาสิโนฝั่งตรงข้ามท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และขายธุรกิจนี้ออกไปก่อนเข้ารับตำแหน่ง สว. ในปี 2562
อุปกิตยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง สว. โดยแจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งหมด 1,774,334,576 บาท
อุปกิตยังเคยสมรสกับ ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ก่อนจะหย่ากันเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2557 โดยมีบุตรร่วมกัน 1 คน
