รายงาน Gold Demand Trends ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2023 จากสภาทองคำโลก (World Gold Council) ระบุว่า มีทองคำทั้งหมดจำนวน 1,147 ตัน ถูกซื้อไปในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ (ไม่รวมการซื้อขายนอกตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ถึง 8% แสดงให้เห็นถึงความต้องการทองคำที่เพิ่มมากขึ้น โดยผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดประจำไตรมาสนี้ก็คือธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก ที่ซื้อไปกว่า 337 ตัน เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ทองคำถูกมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงในเวลานี้
ความต้องการการลงทุนในทองคำตลอดไตรมาสอยู่ที่ 157 ตัน เพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังนับว่าน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แม้เงินทุนใน ETF ทองคำจะไหลออกอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 จากการที่นักลงทุนเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับสูงไปอีกสักระยะ แต่ราคาทองคำก็ยังทรงตัวได้จากแรงหนุนของการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์
สำหรับประเทศไทย ความต้องการโดยรวมในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้เติบโตขึ้นกว่า 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน จาก 12.1 ตัน ขึ้นมาเป็น 13 ตัน โดยเฉพาะทองคำประเภทเหรียญและแท่งที่โตขึ้น 10% จาก 9.6 ตัน ขึ้นมาเป็น 10.5 ตัน
“ปัจจัยที่ผลักดันให้ความต้องการทองคำในประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมาเป็นเพราะค่าเงินบาทที่อ่อน ความไม่แน่นอนทางการเมือง และราคาทองที่ค่อนข้างต่ำ ณ ช่วงเวลานั้น ก็เป็นส่วนสนับสนุนให้ผู้คนซื้อเก็บมากขึ้น” Shaokai Fan หัวหน้าภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลกของสภาทองคำโลก กล่าวในการให้สัมภาษณ์
อย่างไรก็ตามทองคำรูปพรรณกลับมีความต้องการลดลงเล็กน้อย ตกลง 2% แบบปีต่อปี (จาก 2.54 ตัน เหลือ 2.49 ตัน) สาเหตุมาจากการชะลอการจับจ่ายกับสินค้าที่มีมูลค่าสูงของคนไทย ดังนั้นทองคำรูปพรรณที่อาจถูกใช้เป็นเครื่องประดับจึงลดลงเล็กน้อย ซึ่งต่างจากทองคำแท่งและเหรียญที่ใช้สำหรับการลงทุน
และล่าสุดหลังจากผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% Shaokai มองว่าราคาทองคำในตอนนี้ได้สะท้อนตรงตามความคาดหวังของนักลงทุนที่คาดว่าดอกเบี้ยน่าจะอยู่ในระดับนี้เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ Shaokai มองว่าถ้อยแถลงของ Jerome Powell ในการประชุมครั้งที่ผ่านมามีความอะลุ่มอล่วย (Dovish) กว่าที่หลายคนคิด ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อราคาทองคำ แต่ตัวแปรที่ผลักราคาทองคำให้ขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญคือความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นนั่นเอง
อ้างอิง: