รัฐบาลโบลิเวีย ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล เพื่อประท้วงตอบโต้การโจมตีฉนวนกาซา ในขณะที่เพื่อนบ้านอย่างโคลอมเบียและชิลี ก็แสดงท่าทีต่อต้านการโจมตีกาซา ด้วยการเรียกเอกอัครราชทูตของตนกลับจากอิสราเอล
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ทั้ง 3 ประเทศอเมริกาใต้ ออกมาประณามอิสราเอลที่โจมตีฉนวนกาซาและสังหารชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก พร้อมเรียกร้องให้มีการหยุดยิงและเปิดเส้นทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในกาซา
โดยชิลีออกแถลงการณ์กล่าวหาอิสราเอลว่าปฏิเสธที่จะเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และชี้ว่าการโจมตีทางอากาศในกาซาที่ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม หลังการโจมตีของกลุ่มฮามาส เป็นการลงโทษแบบเหมารวมต่อพลเรือนปาเลสไตน์
เฟรดดี มามานี (Freddy Mamani) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศโบลิเวีย แถลงว่า “โบลิเวียตัดสินใจที่จะตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐอิสราเอล เพื่อปฏิเสธและประณามการโจมตีทางทหารอย่างก้าวร้าวและเกินกว่าเหตุของอิสราเอล ซึ่งเกิดขึ้นในฉนวนกาซา”
ทั้งนี้ ประเทศอื่นๆ ในอเมริกาใต้ เช่น เม็กซิโก อาร์เจนตินา และบราซิล ต่างเรียกร้องให้มีการหยุดยิงและวิจารณ์ผลกระทบจากการโจมตีของอิสราเอลที่เกิดกับพลเรือน
โดยประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา (Luiz Inacio Lula da Silva) ของบราซิล กล่าวก่อนหน้านี้ว่า “สิ่งที่เราเผชิญตอนนี้คือความบ้าของนายกรัฐมนตรีอิสราเอลที่ต้องการกวาดล้างฉนวนกาซา”
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลได้แถลงตอบโต้ความเคลื่อนไหวทางการทูตที่เกิดขึ้น โดย “เรียกร้องให้โคลอมเบียและชิลีประณามอย่างชัดเจน ต่อองค์กรก่อการร้ายฮามาส ซึ่งสังหารและลักพาตัวทารก เด็ก ผู้หญิง และคนชรา
“อิสราเอลคาดหวังให้โคลอมเบียและชิลีสนับสนุนสิทธิของประเทศประชาธิปไตยในการปกป้องพลเมืองของตน และเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้ที่ถูกลักพาตัวทั้งหมดโดยทันที และไม่วางตัวเองอยู่ฝ่ายเวเนซุเอลาและอิหร่านในการสนับสนุนการก่อการร้ายของกลุ่มฮามาส” แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลระบุ
ภาพ: Ali Jadallah / Anadolu via Getty Images
อ้างอิง: