ในปีนี้ (2023) ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ ต้นแบบนักลงทุนเน้นคุณค่าและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทด้านการลงทุน ‘Berkshire Hathaway’ ในวัย 93 ปี สามารถทำกำไรจากหุ้น Nubank บริษัทฟินเทคอันดับต้นๆ ในแถบลาตินอเมริกาที่มีความเกี่ยวข้องกับคริปโตไปแล้วกว่า 130 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.5 พันล้านบาท เอาชนะผลตอบแทนจากหุ้นเทคชั้นนำของโลกอย่าง Apple และ Amazon
แม้วอร์เรนจะเป็นหนึ่งในบุคคลที่ต่อต้านการลงทุนในคริปโตมาโดยตลอด แต่บริษัทฟินเทคที่บริษัท Berkshire Hathaway ของวอร์เรนเข้าไปลงทุนอย่าง Nubank ได้ขยายผลิตภัณฑ์การลงทุนไปยังคริปโตและสามารถกลับมาสร้างผลตอบแทนให้กับวอร์เรนได้หลายพันล้านบาทในปีนี้
ซึ่ง Nubank ได้ออกเหรียญ Loyalty Token ผ่านเครือข่ายบล็อกเชน Polygon และการเสนอบริการซื้อขาย Bitcoin และ Ethereum ให้กับผู้ใช้งาน ที่ขยายไปยังลูกค้ากว่า 1.35 ล้านคน พร้อมด้วยโอกาสการขยายตลาดจากลูกค้าในมืออีกกว่า 80 ล้านราย
ไม่เพียงเท่านั้น Nubank ยังนำเงินสดบริษัทจำนวน 1% ของเงินทั้งหมดเพื่อไปถือ Bitcoin นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2022
Berkshire Hathaway มีสถานะการลงทุนใน ‘Nubank’ เป็นจำนวน 107 ล้านหุ้น โดยเข้าซื้อเป็นครั้งแรกในช่วงเดือนมิถุนายนปี 2021 เป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.75 หมื่นล้านบาท และเข้าซื้อหุ้นในบริษัทดังกล่าวเป็นรอบที่สองช่วงเดือนธันวาคมในปีเดียวกันอีก 250 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8.75 พันล้านบาท
โดยราคาหุ้นของ Nubank ปรับตัวขึ้นราว 106% นับตั้งแต่ต้นปี 2023 ทำให้มูลค่าการลงทุนของวอร์เรนที่ 750 ล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2021 กลายเป็นมูลค่ากว่า 879.5 ล้านดอลลาร์ในตอนนี้ (ตุลาคมปี 2023) แต่ทั้งนี้ ณ เดือนกุมภาพันธ์ มูลค่าการลงทุนใน ‘Nubank’ ของวอร์เรนเคยมีมูลค่าสูงสุดที่มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท
ซึ่ง Apple และ Amazon สามารถทำผลตอบแทนจากต้นปี 36% และ 54.64% ตามลำดับ และจากข้อมูล ณ สิ้นกันยายนปี 2023 หุ้น Apple เองยังเป็นสัดส่วนหลักถึงกว่า 45% คิดเป็นมูลค่ากว่า 3.54 แสนล้านดอลลาร์ในการลงทุนทั้งหมดของ Berkshire Hathaway ในขณะที่ Bitcoin สามารถทำผลตอบแทนได้มากกว่า Nubank เล็กน้อย โดยผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ราว 107.77%
อ้างอิง: