วันนี้ (29 ตุลาคม) นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยว่า ไทยและฮ่องกงเป็นพันธมิตรทางการค้าและการลงทุนที่สำคัญ และต่างยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของกันและกันอีกด้วย โดยล่าสุด เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พบหารือกับจอห์น ลี คา-ชิว (หลี่เจียเชา) ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ขณะที่ตนได้มีโอกาสพบกับโรนัลด์ โฮ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง และคณะ ที่กรุงเทพฯ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและเชื่อมความสัมพันธ์ทางการค้า เพราะหน่วยงานนี้เป็นองค์การกึ่งภาครัฐของฮ่องกงและมีกองทุนเป็นของตนเอง ทำให้การบริหารงานมีความคล่องตัว มีสำนักงานกว่า 50 สาขาทั่วโลก
หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ฮ่องกงสนใจจะขยายตลาดมายังภูมิภาคอาเซียนและไทย โดยมี 30 บริษัทต้องการพื้นที่ลงทุนตั้งฐานการผลิตและการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าในไทย ซึ่งการร่วมมือกับองค์การนี้จะช่วยให้นักธุรกิจไทยโดยเฉพาะ SMEs และสตาร์ทอัพ มีช่องทางจำหน่ายสินค้าและพัฒนาองค์ความรู้ด้านต่างๆ เพราะเขามีความเชี่ยวชาญด้านการโปรโมตสินค้าทางอีคอมเมิร์ซ การสัมมนาผ่านเว็บ การจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง งานแสดงสินค้า การจับคู่ทางธุรกิจออนไลน์ และจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมด้วย
นอกจากนี้ ตนยังได้พบกับเควิน หยาง ประธานสมาคมนักออกแบบแฟชั่นฮ่องกง โดยได้พูดคุยถึงแนวทางการส่งเสริมผ้าไหมไทยสู่ตลาดโลก ซึ่งที่ผ่านมาทางสมาคมฯ ได้ให้ความร่วมมือกับโครงการ Thai Silk Road to the World ของสมาคมส่งเสริมผ้าไหมและวัฒนธรรมไทยอย่างต่อเนื่อง เควินได้เสนอให้ไทยนำเสนอเรื่องราว (Story) ของผ้าไหมไทยให้ชาวโลกได้รู้จักผ่านวิธีการต่างๆ เพราะผ้าไหมสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ไม่ใช่เพียงการตัดเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังนำไปเป็นส่วนประกอบของเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน หรือของใช้ได้ โดยอาจจัดเป็นนิทรรศการควบคู่กับการแสดงชุดผ้าไหมไทยในโอกาสต่างๆ ขณะเดียวกันควรสร้างสรรค์งานผ้าไหมให้วัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่เข้าถึง สัมผัสได้ และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เหมือนกับเสื้อผ้ายีนส์หรือผ้าชนิดอื่น สร้างภาพลักษณ์ใหม่ และลดความเป็นทางการลง
“ฮ่องกงเป็นสะพานเชื่อมระหว่างจีนและส่วนอื่นๆ ของโลก โดยมีบทบาทในฐานะแพลตฟอร์มสำหรับเงินทุน สินค้า ข้อมูล และผู้คน เป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับนานาชาติ โดยในปี 2565 ไทยและฮ่องกงมีมูลค่าการค้ารวม 11,897.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นคู่ค้าอันดับ 13 ของไทย สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยคือ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องระดับ แผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งการหารือครั้งนี้โรนัลด์ยังได้เชิญนายกรัฐมนตรีไปร่วมการประชุม Asian Financial Forum (AFF 2023) ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมกราคม 2567 ที่ฮ่องกงอีกด้วย” นลินีกล่าว