วันนี้ (24 ตุลาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สั่งเรียกคืนยารักษาโรคความดันโลหิตสูง เออบีซาแทน (Irbesartan) ที่จำหน่ายจากบริษัทผู้ผลิต เนื่องจากยาบางรุ่นการผลิตพบการปนเปื้อนสารที่อาจก่อมะเร็ง เอแซดบีที ในวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยาเกินเกณฑ์สากลที่ยอมรับ โดยพบว่าในไทยมีอยู่ 42 รุ่นการผลิตจาก 5 บริษัทว่า เนื่องจาก อย. มีการตรวจพบสารตัวหนึ่งในยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเดิมเป็นสารกลุ่มที่ไม่ต้องตรวจหา แต่เมื่อตรวจแล้วพบสารดังกล่าว ซึ่งสามารถเจอได้ในกระบวนการผลิตเกิดจากการเผาไหม้ไนโตรซามีน จึงถือว่าไม่ได้มาตรฐาน อยู่นอกเหนือมาตรฐาน ดังนั้น อย. จึงเรียกเก็บออกจากท้องตลาดในยาทุกตัวที่ตรวจเจอ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ป่วยที่ถือยาตัวที่มีปัญหานั้นจะสามารถทำอย่างไรได้บ้างโดยเฉพาะกรณีรักษากับโรงพยาบาลเอกชนจะสามารถเคลมได้หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ยาที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยเราให้หยุดการให้ยานั้นอยู่แล้ว จากนั้นจะมีการเฝ้าระวังอาการของกลุ่มผู้ใช้ยาว่ามีความผิดปกติใดหรือไม่ สารก่อมะเร็งไม่ได้เห็นผลทันตา แต่ต้องติดตามในระยะยาว ส่วนการเยียวยาเร่งด่วนนั้นยังไม่ได้มีหลักเกณฑ์วิธีการใดรองรับเนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ กระทรวงสาธารณสุขจะให้ความสำคัญและรีบนำไปพิจารณาว่าจะมีการชดเชยเยียวยาอย่างไรให้สมเหตุสมผล ทั้งมิติด้านสุขภาพและมิติเศรษฐกิจ เบื้องต้นผู้ใช้ยาดังกล่าวสามารถถือยาไปเปลี่ยนกับโรงพยาบาลได้ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่รักษาตัวอยู่เดิม เนื่องจากมีข้อมูลในการรักษาอยู่แล้วจะได้ทำการเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้ อสม. ลงพื้นที่ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เราเน้นทุกระบบ ทุกระดับ ทั้งการเผยแพร่ทั่วไปและการแจ้งผ่านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาล ตำบล และหมู่บ้านเพื่อให้ทราบและเข้าใจกันอย่างทั่วถึง
ด้าน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช เลขาธิการ อย. กล่าวว่า จากการตรวจแหล่งผลิตมีอยู่ห้าบริษัท 42 ล็อต ที่สั่งให้มีการเรียกเก็บคืน ส่วนผู้ป่วยที่ถือยาในล็อตที่เป็นปัญหาดังกล่าวก็ขอให้นำยาไปยังโรงพยาบาลเพื่อขอเปลี่ยนตัวยารักษาโรคให้เป็นตัวใหม่โดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้มีผลกระทบในการขาดยา ส่วนตัวเลขที่กระจายสู่ท้องตลาดนั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่จะเร่งเก็บคืนออกมาให้หมดโดยเร็ว