วันนี้ (18 ตุลาคม) ที่รัฐสภา กรุณพล เทียนสุวรรณ สส. บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี สส. ของพรรค ถูกกล่าวหาคุกคามทางเพศว่า ต้องให้ความยุติธรรมด้วย เนื่องจากโทษที่จะได้รับค่อนข้างสูงมาก การสืบหาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากตัดสินผิดหรือตัดสินตามกระแสสังคมจะเท่ากับหมดอนาคตทางการเมืองตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นกรรมการบริหารพรรคจำเป็นต้องแสวงหาข้อเท็จจริงทั้งฝั่งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง
ส่วนการเรียกผู้ร้องเข้ามาให้ถ้อยคำที่ค่อนข้างใช้เวลานานนั้น กรุณพลกล่าวว่า เนื่องจากผู้ร้องเองรอเพื่อน รอเอกสาร รอหลักฐาน อีกทั้งยังต้องมีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนฝ่ายกรรมการวินัย ซึ่งเป็น สส. ที่อยู่ในคณะกรรมการนั้นก็มีงานสภาที่ต้องทำค่อนข้างมาก และยังมีฝ่ายที่เป็นคณะกรรมการภายนอก การนัดเวลาในการมาเจอจึงไม่ตรงกัน ทำให้มีการเลื่อนนัดไปเรื่อยๆ แต่ใกล้จะเสร็จแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการเลื่อนไปเรื่อยๆ จะทำให้กรอบเวลาถูกขยายต่อไปอีกหรือไม่ กรุณพลกล่าวว่า ขณะนี้พรรคได้ตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาเพื่อทำให้จบเรื่องนี้ได้เร็วที่สุด รวมถึงการทำให้คณะทำงานมีความน่าเชื่อกับสังคมเพิ่มขึ้น เนื่องจากกระแสสังคมค่อนข้างหนักมาก เราจึงให้บุคคลภายนอกเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อทำให้ข้อครหาหมดไปอย่างชัดเจน เพราะหากใช้เพียงคณะกรรมการในพรรคอาจทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าสามารถเปิดเผยรายชื่อของคณะกรรมการทั้งหมดได้หรือไม่ กรุณพลกล่าวว่า เราเพิ่งเริ่มตั้งคณะกรรมการได้เพียงสองสามวัน ยังไม่สามารถเปิดชื่อได้ เพราะหลายฝ่ายต้องการเวลาในการพิจารณาว่าจะสามารถเข้ามาร่วมงานกันได้หรือไม่ เพราะเราได้ทาบทามบุคคลที่จะอยู่ในสัดส่วนของสตรี นักกฎหมาย นักสิทธิต่างๆ เข้ามา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีบุคคลคนที่ 4 ซึ่งยังไม่ปรากฏชื่อ ที่มีการเปิดเผยว่าอาจเข้าข่ายมีคดียาเสพติดร่วมกับการคุกคามทางเพศด้วย กรุณพลกล่าวยืนยันว่าคดียาเสพติดเป็นข่าวโคมลอย เป็นเฟกนิวส์ เพราะมีแต่คำกล่าวหาว่า สส. ของก้าวไกลติดยา หากเข้าไปดูในเพจที่เป็นผู้เริ่มต้นกล่าวหา ในปี 2559-2560 ตนยังไม่ทราบเลยว่าเป็นใคร ตอนนั้นเรายังอยู่ในรัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่เลย พรรคก้าวไกลยังไม่เกิดขึ้นเลย ตนว่าเป็นเรื่องไร้สาระมากๆ ซึ่งในกรณีของบุคคลที่ 4 นี้เกิดจากการที่เมื่อพรรคก้าวไกลมีข่าวจึงมีบัตรสนเท่ห์ส่งมาที่พรรค เรายังไม่ที่ทราบว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร เพราะไม่มีการบอกตัวตนของผู้ร้อง รวมถึงไม่มีการระบุชื่อของผู้ที่ถูกร้องด้วย เราจึงขึ้นเป็นตุ๊กตาไว้ แต่โอกาสที่จะมีต่ำ พร้อมย้ำว่ากรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และไม่มียาเสพติดในพรรคแน่นอน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีล่าสุดที่ถูกกล่าวหาว่ามีทีมงานของพรรคในจังหวัดสกลนคร ทำร้ายร่างกายผู้หญิง กรุณพลกล่าวว่า ต้องดูว่าเป็นทีมงานของ สส. หรือของพรรค และทำร้ายร่างกายในรูปแบบใด ตนคิดว่าข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏเป็นไปได้ทั้งทะเลาะวิวาท เป็นได้ทั้งการทำร้ายร่างกายจริงๆ เป็นได้ทั้งข่าวที่ไม่มีมูล ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการสืบสวนข้อเท็จจริง
กรุณพลกล่าวอีกว่า ทุกกระแสที่พรรคก้าวไกลเพลี่ยงพล้ำก็จะมีคนพยายามเตะตัดขา ทำให้ความน่าเชื่อถือของพรรคน้อยลง แต่เรายังคงยืนยันว่าเราชัดเจน จริงจัง ตรงไปตรงมา อะไรที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย พรรคก้าวไกลพร้อมที่จะนำเข้าสู่กระบวนการของกฎหมายอย่างชัดเจนและไม่มีการหมกเม็ด เพราะเราไม่มีนโยบายหรืออุดมการณ์ที่จะปกป้องคนผิด ยิ่งหากคนผิดนั้นเป็นคนของพรรคก้าวไกล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากไปตรวจสอบพรรคการเมืองอื่นจะถูกตั้งคำถามหรือไม่ กรุณพลเชื่อว่าจะถูกตั้งคำถามอย่างแน่นอน แต่มองว่าการตั้งคำถามนั้นก็จะต้องแยกเป็นกรณี เพราะหลายครั้งก็จะเห็นว่าหากเราจะตรวจสอบรัฐบาลก็จะมีเสียงกลับมาว่าให้ไปตรวจสอบตัวเองก่อน และที่บอกว่าอย่าเอาความผิดพลาดของพรรคก้าวไกลมาเป็นกรอบป้องกันการตรวจสอบความถูกต้องของรัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาล เพราะสิ่งที่เราทำนั้นไม่ใช่เราตีแล้วเราจะถอย ถ้าเราตีแล้วเรายอมรับสิ่งที่เราทำผิด แต่สิ่งที่คุณทำทุจริต พรรคก้าวไกลเองก็พร้อมจะตรวจสอบในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุกอยู่แล้ว
