แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอมเริกา ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนกรุงเทลอาวีฟของอิสราเอล ประกาศว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมเดินทางเยือนอิสราเอลในวันพรุ่งนี้ (18 ตุลาคม) เพื่อพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู และแสดงความชัดเจนในการสนับสนุนสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล ตลอดจนยืนยันความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับอิสราเอล
“ไบเดนจะแสดงให้เห็นชัดเจนว่า อิสราเอลมีสิทธิและหน้าที่อย่างแท้จริงในการปกป้องประชาชนของตนจากกลุ่มฮามาสและผู้ก่อการร้ายอื่นๆ รวมทั้งเพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต” บลิงเคนกล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการหารือหลายชั่วโมงกับคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอล ซึ่งระหว่างการพูดคุยนั้นมีเสียงไซเรนเตือนภัยดังขึ้น ทำให้เขาต้องซ่อนตัวอยู่ในบังเกอร์หลบภัยเป็นเวลา 5 นาที
ขณะที่บลิงเคนเผยว่า รัฐบาลอิสราเอลจะสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับเป้าหมายและกลยุทธ์การทำสงคราม ตลอดจนแนวทางของปฏิบัติการแก่ไบเดน โดยจะเป็นไปในลักษณะที่ลดการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน และช่วยเปิดทางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พลเรือนในฉนวนกาซาในลักษณะที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มฮามาส
ซึ่งนอกจากนี้สหรัฐฯ และอิสราเอลยังตกลงที่จะพัฒนาแผนเปิดทางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพื่อให้ประเทศผู้บริจาคและองค์กรพหุภาคีส่งความช่วยเหลือไปถึงพลเรือนในฉนวนกาซา
ด้าน จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ แถลงว่า ไบเดนจะเดินทางไปยังอิสราเอลในช่วงเวลาสำคัญ โดยนอกจากเป้าหมายหลักในการแสดงจุดยืนเคียงข้างอิสราเอลแล้ว ผู้นำสหรัฐฯ จะมีการหารือแนวทางในการสร้างเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับพลเรือนที่ต้องการอพยพออกจากกาซาด้วย
โดยหลังเสร็จสิ้นการเยือนอิสราเอล ไบเดนจะเดินทางต่อไปยังกรุงอัมมานของจอร์แดน เพื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งจอร์แดน ตลอดจนพบปะหารือกับประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล ซิซี ของอียิปต์ และประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์
ทั้งนี้ การเยือนในครั้งนี้ของไบเดนมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์สู้รบที่ยังตึงเครียด โดยอิสราเอลประกาศว่าจะทำลายล้างกลุ่มฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซา หลังจากกองกำลังติดอาวุธของฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา และคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 1,300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
ขณะที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศตอบโต้ในฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วมากกว่า 2,800 คน ตามรายงานของสำนักข่าว WAFA ของปาเลสไตน์
ภาพ: Win McNamee / Getty Images
อ้างอิง: