ผู้นำในตลาดลักชัวรีของโลกอย่าง LVMH ดูจะเริ่มเห็นการชะลอตัวของการจับจ่ายใช้สอยของผู้คน เมื่อบริษัทได้เผยแพร่ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 พบว่ามีการเติบโตเพียง 9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว รวมรายได้ตลอด 9 เดือนอยู่ที่ 62,205 ล้านยูโร หรือราว 2.4 ล้านล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 56,485 ล้านยูโร หรือ 2.1 ล้านล้านบาท
โดยหมวดหมู่ที่มีการเติบโตมากที่สุดไม่ใช่ฝั่งแฟชั่นหรือเครื่องหนังเหมือนที่ผ่านมา แต่เป็นร้านค้า (Selective Retail) ที่โตขึ้น 26% รวมรายได้ 12,431 ล้านยูโร ผลจากร้านค้าบิวตี้อย่าง Sephora ในอเมริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และยุโรป ที่มีการเปิดสาขาแรกในอังกฤษ และมีแผนที่จะสร้างสาขาที่สองด้วย รวมไปถึงร้านค้าลักชัวรีและร้านปลอดภาษี DFS ที่เริ่มกลับมาคึกคักในฮ่องกง
รองลงมาเป็นแฟชั่นและเครื่องหนังที่ยังเป็นบ่อทองของบริษัท โดยทำไปได้ 30,912 ล้านยูโร กับอัตราการเติบโตที่ 16% ตามมาด้วยน้ำหอมและเครื่องสำอางที่ 12% นาฬิกาและเครื่องประดับ 9% มีเพียงหมวดหมู่เดียวที่ติดลบ ซึ่งก็คือสุราและไวน์ โดยลดลงจากเดิม 7%
สำหรับฝั่งแฟชั่น แบรนด์อันดับหนึ่งยังคงเป็นของ Louis Vuitton ที่ทำผลงานได้ดีทั้งฝั่งผู้หญิงของ Nicolas Ghesquière และฝั่งผู้ชายของ Pharrell Williams ที่ถึงแม้ว่าคอลเล็กชันใหม่จะยังไม่ได้วางขายอย่างเป็นทางการ แต่ก็สร้างแรงกระตุ้นให้ลูกค้าได้มากพอสมควร ตามมาด้วย Dior, Celine, Loewe, Loro Piana, Fendi, RIMOWA และ Marc Jacobs
อย่างไรก็ตาม Jean-Jacques Guiony ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ LVMH ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผลงานใน 3 เดือนที่ผ่านมานี้จะเป็นเพียงความเปลี่ยนแปลงชั่วคราวหรือเป็นแนวโน้มต่อไปของบริษัทจริงๆ
“เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความยาวของวงจรแบบนี้มันคือยอดการบริโภคจริงๆ หรือว่าแค่ชะงักชั่วคราว หลังจาก 3 ปีที่เราทำได้สุดยอดมากๆ การเติบโตนี้เริ่มเหมือนกับตัวเลขที่ผ่านมาของเรา มันจะเป็นแบบนี้ต่อไหมผมไม่ทราบ แต่มันไม่น่าจะถึงกับดิ่งหรือว่าจะกลับมาทำได้ 20% เหมือนเมื่อก่อน”
ภาพ: Dominique Maître / WWD / Penske Media via Getty Images
อ้างอิง: