เทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงในไทย จุดชนวนให้ ‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ ยักษ์ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรายใหญ่ เร่งเครื่องพัฒนาสินค้าสูตรลดโซเดียม เจาะตลาดสุขภาพมากขึ้น หลังส่ง ‘รสดี สูตรลดโซเดียม’ ออกมาทดลองตลาดก่อนแล้ว โดย อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ยืนยันว่าแม้ตลาดสินค้าเครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพจะยังเล็กมาก แต่มีโอกาสเติบโตเป็นเท่าตัว
ทำให้ต่อจากนี้ ‘อายิโนะโมะโต๊ะ’ จะเน้นให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ ผ่านการใช้ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน มาใช้ในการปรับสูตรสินค้าเริ่มตั้งแต่กลุ่มเครื่องปรุงรส ไปจนถึงกลุ่มสินค้าอย่างเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์เบอร์ดี้ เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มของกระแสสุขภาพที่กำลังมาแรง และเป็นทางเลือกใหม่ๆ
ที่ผ่านมาบริษัทเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ลดโซเดียม ได้แก่ รสดี ตามด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ และกลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ ซึ่งได้รับการรับรองเครื่องหมาย Healthier Choice Logo ถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ที่สำคัญในอีก 1-2 ปี บริษัทจะมีการลงทุนด้านระบบทดลองประเมินสารอาหาร ซึ่งบริษัทแม่ในญี่ปุ่นได้เริ่มทดลองใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังเตรียมนำเข้ามาใช้ในไทย เพื่อนำมาต่อยอดพัฒนาสินค้าใหม่ๆ พร้อมเตรียมขยายกำลังการผลิตรองรับการฟื้นตัวของตลาด ควบคู่กับการนำระบบ Automation มาช่วยเสริมในกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากการพัฒนาสินค้าแล้ว ปัจจุบันพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป บริษัทจึงได้ปรับวิสัยทัศน์ใหม่ มุ่งสู่การเป็นบริษัทอาหารที่มีความน่าเชื่อถือ สู่การเป็นผู้นำในการสร้างสังคมไทยให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดจะสอดรับกับค่านิยมหลักขององค์กร ที่เน้นสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมอย่างยั่งยืน (ASV) ตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนปี 2573 ของกลุ่มบริษัทระดับโลก
อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อไปว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องต้นทุนสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรลดลงอย่างมาก จึงตัดสินใจปรับขึ้นราคาสินค้าในบางรายการ แต่เมื่อสถานการณ์ต้นทุนเริ่มคลี่คลายลง สิ่งสำคัญที่ต้องทำต่อไปคือการกลับมากระตุ้นยอดขาย ผ่านแคมเปญและสินค้าใหม่ๆ
ทั้งนี้ ในปี 2566 คาดว่ายอดขายจะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้มากกว่า 5% โดยสัดส่วนยอดขายหลักมาจาก กลุ่มเครื่องปรุงรส 50% โดยมีผลิตภัณฑ์ผงชูรส และรสดีเป็นสินค้าเรือธง ตามด้วยเครื่องดื่มกาแฟเบอร์ดี้ 25% และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ อีก 25%