ทางการตุรกีคุมเข้มและยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย หลังเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายกลางกรุงอังการา เมื่อวานนี้ (1 ตุลาคม) เป็นเหตุให้ผู้ลงมือก่อเหตุเสียชีวิต 2 คน และมีตำรวจได้รับบาดเจ็บอีก 2 นาย ทางการตุรกีระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุก่อการร้ายใจกลางเมืองหลวง
ก่อนที่กลุ่มกบฏชาวเคิร์ด (PKK) จะออกมาเคลื่อนไหวและยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้กลุ่มของตนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งตรงกับรายงานของทางการตุรกี ทำให้กองทัพตุรกีโจมตีทางอากาศใส่ฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏชาวเคิร์ดบริเวณทางตอนเหนือของอิรัก เพื่อตอบโต้เหตุอุกอาจดังกล่าวที่เกิดขึ้น โดยกลุ่ม PKK ถูกขึ้นบัญชีของทางการตุรกี สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ในฐานะ ‘กลุ่มก่อการร้าย’
ด้านบรรดาผู้นำโลกและผู้นำองค์การระหว่างประเทศต่างประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเน้นย้ำว่า ประชาคมโลกต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบ โดย เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การ NATO ระบุว่า NATO จะร่วมยืนหยัดเคียงข้างตุรกีในการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายอย่างเต็มความสามารถ
ด้าน เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี ระบุว่า “กลุ่มก่อการร้ายจะไม่มีวันบรรลุเป้าหมายได้อีกในตุรกี เหตุก่อการร้ายในกรุงอังการาวันนี้ที่ตำรวจเข้าแทรกแซงอย่างทันท่วงทีจะถือเป็นเหตุก่อการร้ายครั้งสุดท้าย
“ผู้ก่อการร้ายที่พยายามทำลายสันติภาพและความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนจะไม่มีวันประสบผลสำเร็จอีก”
ที่ผ่านมา กรุงอังการา เมืองหลวงของตุรกี ตกเป็นเป้าโจมตีและเป้าก่อการร้ายหลายต่อหลายครั้ง หนึ่งในนั้นคือ เหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่สถานีขนส่งแห่งหนึ่งในกรุงอังการา เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2016 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายครั้งนั้นมากถึง 37 คน
ภาพ: Evrim Aydin / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: