×

เมื่อวัฒนธรรมกาแฟวกมาสู่ครัวเรือน และมี Crema เป็นเอกลักษณ์ของความรื่นรมย์ [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
05.04.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins read
  • วัฒนธรรมกาแฟเป็นเครื่องสะท้อนสังคม จากวันที่ผู้คนชงกาแฟดื่มในบ้านเป็นกิจวัตร สู่วันที่ร้านกาแฟเป็นดั่งเครื่องหมายบ่งบอกอัตลักษณ์ และวกกลับเข้ามาถึงวันที่การดื่มด่ำกาแฟในบ้านรื่นรมย์กว่าเดิม
  • รสนิยมการดื่มกาแฟของคนเปลี่ยนไป มีความหลากหลายและชั้นเชิงในการดื่มที่ยกระดับให้กาแฟเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
  • เครมานุ่มละมุน เสน่ห์สำคัญในเอสเพรสโซเพอร์เฟกต์ช็อต สามารถสร้างเองได้ที่บ้าน ด้วยกาแฟชงสูตรพรีเมียมที่ยกระดับกาแฟชงในเมืองไทยขึ้นไปอีกขั้น

กาแฟเป็นมากกว่าเครื่องดื่ม หากแต่เป็นเรื่องของรสนิยม เป็นอีกวิธีการแสดงตัวตนของปัจเจกชน และอีกนัยหนึ่งกาแฟก็เป็นเครื่องมือสะท้อนความศิวิไลซ์ของสังคม อย่างเช่นทุกวันนี้ชีวิตคนกรุงอยู่ใกล้กับกาแฟแค่เดินเท้าไม่กี่ก้าว เพราะมีร้านกาแฟเก๋ๆ ผุดขึ้นราวดอกเห็ดตามเทรนด์การดื่มกาแฟสดที่ฝังไว้ให้กับเออร์บันนิสต้าก่อนหน้านี้ไม่ถึงทศวรรษ ทั้งที่เมื่อย้อนเวลาไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ยังเป็นช่วงเวลาที่คนไทยคุ้นชินกับการชงกาแฟดื่มเองในบ้านด้วยกาแฟผงชนิดชงดื่ม (Instant Coffee) มากกว่าออกไปนั่งทอดอารมณ์ ดม-ดื่ม-ดู กาแฟในร้านเฉกเช่นยุคนี้อยู่เลย

 

วัฒนธรรมกาแฟข้ามเวลาแบบมิชชันนารีผู้ชาญฉลาด โดยค่อยๆ หยั่งรากลงในชีวิตของผู้คนทีละนิดๆ จนในที่สุดมนุษย์เมืองก็ติดกาแฟในวงกว้าง การเดินทางของเวลานำมาสู่รูปแบบการดื่มด่ำที่หลากหลาย สะท้อนว่าวัฒนธรรมกาแฟไม่เคยย่ำอยู่กับที่ เราจึงได้เห็นคาราวานเมนูอย่างเอสเพรสโซ อเมริกาโน กำเนิดเพื่อคอกาแฟดำ ฝั่งนุ่มนวลเติมนมก็จะมีลาเต้ คาปูชิโน มัคคิอาโต แฟลตไวต์ คอยชูโรง หรืออาจจะแยกย่อยตามกรรมวิธีในการชงอย่างที่เรียกว่า Slow Bar ซึ่งโดดเด่นเรื่องความละเมียดละไมในทุกๆ แก้ว ทำให้เกิดกาแฟฟิลเตอร์ หรือกาแฟดริป ขวัญใจฮิปสเตอร์ อีกทั้งยังมีกาแฟไซฟอน เฟรนช์เพรส และโมก้าพ็อต เป็นทางเลือกสำหรับมนุษย์กาแฟ แม้จะแตกต่างในรายละเอียด แต่ทั้งหมดก็ถูกรังสรรค์เพื่อการเดียว คือดึงความสมบูรณ์แบบของกาแฟให้ออกมามากที่สุด ทั้งกลิ่นหอม เครมา และรสชาติ การดื่มกาแฟในยุคนี้จึงไม่ใช่การดื่มเพื่อตื่น แต่เป็นการดื่มเพื่อเรียนรู้ไปด้วย หลายครั้งหลังจากที่ของเหลวสีดำไหลลงไปในร่างกายแล้ว ภายใต้รสขมนั้นยังมอบประสบการณ์และรายละเอียดทางวัฒนธรรม โดยมีบาริสต้าทำหน้าที่เชื่อมโยงพลกาแฟเข้าสู่โลกของเมล็ดคั่วบดสีน้ำตาลถึงรากเหง้าและดินปลูก ยิ่งทำให้การดื่มกาแฟในคาเฟ่น่าหลงใหลหนักขึ้นไปอีก  

 

 

แต่สัจธรรมของเทรนด์คือการหมุนวนเป็นวงกลม ปัจจุบันเทรนด์การชงกาแฟดื่มเองในบ้านเริ่มวกกลับมา อาจเพราะค่างวดของการลิ้มรสความสุขในถ้วยกาแฟสดนั้นเริ่มมีราคาที่แพงขึ้น ไหนจะต้องสรรหาเมล็ดกาแฟพันธุ์ดี ลงทุนกับเครื่องชงอลังการราคามหาโหด พิถีพิถันกับอุณหภูมิน้ำ ไปจนถึงน้ำหนักมือที่ต้องฝึกปรือเป็นเวลานาน กว่าจะได้ช็อตที่เพอร์เฟกต์สมใจ ทางเลือกที่จะประหยัดและได้ดื่มด่ำกับความสุขของรสชาติกาแฟที่เทียบเคียงกันได้ จึงกลับมาสู่การชงดื่มเองแบบเรียบง่ายในบ้านอีกครั้ง แต่คราวนี้มาในรูปแบบรื่นรมย์มากกว่าเดิมหลายเท่าตัวนัก ทั้งเครื่องมือที่ช่วยในการชงกาแฟดื่มก็เกิดขึ้นมากมาย ในราคาที่คนทั่วไปสามารถแตะต้องได้ รวมถึงเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ ในกระบวนการผลิตที่พัฒนาอย่างพิถีพิถัน เพื่อเก็บรายละเอียดของแก่นรสชาติกาแฟสดในคาเฟ่ให้รื่นรมย์ได้ง่ายๆ ในที่พักอาศัย ลดทอนความซับซ้อนยุ่งยากลงไป หรืออาจพูดให้เห็นภาพชัดๆ ได้ว่า การชงกาแฟคั่วบดแบบมีเครมาภายในบ้านไม่ใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไป และไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็มีโอกาสเข้าถึงสัมผัสของกาแฟที่มีสุนทรียศาสตร์ซ่อนอยู่ได้อย่างเท่าเทียม

 

 

จากประสบการณ์กว่า 75 ปีของเนสกาแฟ ทางแบรนด์เอาใจใส่ในการหาวิธีพัฒนากาแฟสำเร็จรูปสำหรับชงดื่มในบ้านอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ทุกๆ 5,500 ถ้วยของเนสกาแฟในทุกวินาทีทั่วโลกมีคุณภาพที่ดีที่สุด และสมบูรณ์แบบที่สุด ใกล้เคียงกับรสชาติของกาแฟที่ได้รับจากคาเฟ่ดีๆ ทุกขั้นตอนจึงถูกกลั่นกรองออกมาอย่างไม่ปล่อยปละแม้รายละเอียดยิบย่อย ตั้งแต่สายพันธุ์กาแฟ สถานที่ปลูก เวลาในการคั่ว อุณหภูมิ กลิ่นของกาแฟ ขนาดความละเอียดในการบด วิธีการที่ทำให้กาแฟแห้งจนเป็นผง สีสันและวิธีการสร้างเครมายามชง แม้กระทั่งบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ไม่ว่าจะชงดื่มเวลาไหนก็ได้มาตรฐาน กลิ่นและรสชาติไม่แปรปรวน ตอบโจทย์ความสะดวกสบายของคนยุคใหม่ โดยที่คุณภาพใกล้เคียงกับกาแฟจากคาเฟ่ชั้นนำ

 

 

ผลลัพธ์ที่ตกทอดมาจากรายละเอียดเหล่านั้น ผลิดอกออกผลเป็น Nescafe Gold Crema กาแฟระดับพรีเมียมที่กำเนิดจากสายพันธุ์อาราบิก้าชั้นดีในเทือกเขาสูงทางภาคเหนือของไทย ผ่านการคั่วบดละเอียด 10 เท่า จนได้ผงกาแฟเนียนละเอียดแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันในระดับ Fine Powder เพื่อให้คอกาแฟได้ดื่มด่ำถึงความหอมกรุ่น ชุ่มลิ้น จากเมล็ดกาแฟคุณภาพ

 

ที่สำคัญ Nescafe Gold Crema ซึ่งถูกสร้างด้วยเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ผลิตกาแฟระดับซูเปอร์พรีเมียมในอังกฤษและฝรั่งเศส ยังเนรมิตชั้นฟองสีน้ำตาลทองละมุนละไมที่เหล่าคอกาแฟเรียกขานว่า ‘เครมา’ ให้ลอยปิดหน้ากาแฟถ้วยโปรด โดยทางเนสกาแฟได้ออกแบบการชงที่ลงตัว ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เพียงแค่เทน้ำร้อนให้โดนขอบถ้วยกาแฟช้าๆ ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่กี่อึดใจก็จะมีฟองเครมาสีนวลลอยฟ่องขึ้นมา ยกดื่มได้ทันที ไม่ต้องคน เพราะผงกาแฟที่เนียนละเอียดนั้นละลายเป็นกาแฟที่หอมกรุ่นแล้วโดยละมุนละม่อม

 

 

เสน่ห์ของ ‘เครมา’ หรือฟองสีน้ำตาลทอง ซึ่งเป็นเลเยอร์บนสุดของเอสเพรสโซนั้น เกิดจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ติดอยู่ในฟองอากาศของน้ำมันจากกาแฟ เป็นส่วนที่ช่วยดึงรสชาติและเนื้อสัมผัสของเอสเพรสโซมาสู่ปลายลิ้นของนักดื่มได้ชัดลึกขึ้น จึงเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญสำหรับช็อตเอสเพรสโซที่สมบูรณ์แบบ นอกเหนือจาก Body และ Heart ถึงขั้นที่ว่าคนรักกาแฟบางคนยกให้เป็น Holy Grail แห่งโลกกาแฟเลยทีเดียว

 

นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายคนเทคะแนนความหลงใหลให้คุณภาพของความสดใหม่ และเทใจหลงรักในความนุ่มนวลกลมกล่อมอันเป็นรสสัมผัสแตกต่างที่ Nescafe Gold Crema มอบให้

 

 

รู้ตัวอีกที เราก็เดินมาสู่โลกกาแฟยุคที่ละเมียดละไมกับการดื่มด่ำเอสเพรสโซที่มีเครมานุ่มละมุน โดยที่บรรยากาศรอบตัวคือบ้าน หาใช่คาเฟ่เท่ๆ ชิคๆ ที่ต้องแลกรสนิยมด้วยเงินหลักร้อยอย่างที่เคยเป็นมา

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising