วันนี้ (4 สิงหาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลกรณีมีการต่อรองเก้าอี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเข้าร่วมรัฐบาล ว่าเป็นข่าวลือ ข่าวทิพย์ ที่ผ่านมายังไม่ได้พูดคุยเรื่องตำแหน่ง เพียงแต่พูดคุยว่าในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่จะเสนอ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี
ภูมิธรรมยังระบุว่า ในสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ หากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะส่งผลกระทบให้ประเทศวิกฤตมากขึ้น ซึ่งเมื่อวานพอมีข่าวว่าเลื่อนโหวตนายกฯ ตลาดหุ้นก็แดงทั้งกระดาน ลดไป 21 จุด สะท้อนให้เห็นว่าคนต้องการความมั่นใจและความหวัง อยากมีรัฐบาลโดยเร็ว และจะได้เห็นตัวเลขสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แต่ละพรรคที่จะจัดสรรตำแหน่งได้ ซึ่งหากรวมกันได้ 280 เสียง อาจเป็น ครม. หน้าตาแบบหนึ่ง ถ้าได้ 300 กว่าเสียงก็จะเป็นแบบหนึ่งได้ 10 พรรคก็แบบหนึ่ง
“สิ่งสำคัญคือนโยบายของพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำ และปรับให้สอดรับกับนโยบายของพรรคการเมืองอื่น หากบางนโยบายไม่สามารถปรับเข้ากันได้ จะทำให้ทำงานร่วมกันยากขึ้น ซึ่งหากได้ตัวนายกรัฐมนตรีแล้ว เรื่องตำแหน่ง ครม. จะมีความชัดเจน” ภูมิธรรมกล่าว
ส่วนที่มีการวิเคราะห์ว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยถูกกดดันจากพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เรื่องการต่อรองเก้าอี้ ครม. และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) มองเรื่องคุณสมบัติ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยนั้น ภูมิธรรมระบุว่า ได้ยินจากหลายนักวิเคราะห์ และส่วนตัวก็มองว่าดี เพราะทำให้เห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ง่าย แต่ถึงที่สุดแล้วในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่จะต้องบริหารประเทศต้องมีความหนักแน่น มีวุฒิภาวะ มีความเป็นผู้นำ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถพาประเทศ และความแตกต่างของพรรคการเมืองฝ่าวิกฤตไปได้ พร้อมชี้ว่าสุดท้ายการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับความเป็นจริงของการเมืองไทย ของปัญหาและความต้องการของคนไทย การจะร่วมมือกันของพรรคการเมือง อยู่ที่การพูดคุยกัน
ภูมิธรรมย้ำว่า ไม่ได้มองในบริบทความยากที่ต้องได้เสียงสนับสนุนจาก สว. กว่า 100 เสียงหลังจากไม่มีพรรคก้าวไกล แต่ยึดปัญหาของประชาชนเป็นหลัก พร้อมขอเสียงสนับสนุนหากเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยสามารถแก้ปัญหาประเทศและฝ่าวิกฤตได้
“การเมืองมิติใหม่ เอาความต้องการของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ความต้องการของพรรคการเมืองเป็นตัวตั้ง ถ้าประเทศรอด ทุกคนก็จะรอด ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ไม่ใช่มาร่วมกันอย่างไร แต่จะยินดีให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ และยินดีให้แคนดิเดตฯ ของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากเห็นชอบก็โหวตสนับสนุนแล้วมาเป็นรัฐบาลด้วยกันก็ได้ หรือไม่เห็นชอบก็ไม่โหวตแล้วไปเป็นฝ่ายค้านก็ได้” ภูมิธรรมกล่าว
ภูมิธรรมกล่าวด้วยว่า ยังไม่ถึงเวลาจะร่วมรัฐบาลกับพรรค 2 ลุง คือพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้ มั่นใจในฐานะแกนนำจะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และเชื่อว่าความตั้งใจ ประสบการณ์ ความสามารถของบุคลากรพรรคเพื่อไทย และผลงานที่ผ่านมาจะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศที่กำลังวิกฤต และความขัดแย้งที่สั่งสมมาในขณะนี้
เมื่อถามว่าสถานการณ์การเมืองตอนนี้ดูอึมครึม มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ต้องส่งไม้ต่อให้พรรคอันดับสามจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ภูมิธรรมระบุว่า ให้สื่อทำให้ความอึมครึมนั้น สว่างไสวมากขึ้น มันจะดีมาก
นอกจากนี้ภูมิธรรมยังบอกด้วยว่า แพทองธาร ชินวัตร และเศรษฐา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ไม่ได้หายไปไหน ยังคงเดินทางมาทำงานตามปกติ เพียงแต่ไม่ได้เจอสื่อมวลชน
ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องพาดพิงเกี่ยวกับคุณสมบัติของเศรษฐา ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงไปแล้ว และเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นนายกฯ จะต้องถูกตรวจสอบ มองเป็นเรื่องดี อีกทั้งไม่ได้มีเรื่องอะไรต้องปิดบัง อำพราง พรรคเพื่อไทยก็มีการตรวจสอบคุณสมบัติของแคนดิเดตฯ ก่อนเสนอชื่ออยู่แล้ว เมื่อมีการตรวจสอบก็ทำให้สาธารณชนสบายใจ และเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น