ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกไม่สะเทือนถึงแบรนด์รถหรูสัญชาติเยอรมันอย่าง BMW สะท้อนจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ปีนี้ทะยานพุ่งขึ้น 15% แซงหน้า Mercedes-Benz และ Porsche ซีอีโอย้ำว่า แม้เข้าใกล้เป้าหมาย EV แล้ว แต่ยังเร็วเกินไปที่จะเรียกว่าหมดยุคของเครื่องยนต์สันดาป และไม่ใช่ทุกประเทศจะมีโครงสร้างพื้นฐานจูงใจให้ประชาชนหันมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้มากเพียงพอและเกิดขึ้นได้ในทันที ขณะที่ Tesla รายงานยอดขายเดือนกรกฎาคมวูบในตลาดจีน ถูก BYD ทิ้งห่าง
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า BMW แบรนด์รถหรูยักษ์ใหญ่สัญชาติเยอรมัน กำลังเพิ่มการลงทุนด้านพลังงานไฟฟ้า EV เร็วกว่าแผนที่วางแผนไว้ในปีนี้ หลังพบว่ายอดขายยังคงแข็งแกร่งในตลาดหลักอย่างจีนและสหรัฐอเมริกา
โดยล่าสุดรายงานผลประกอบการครึ่งปีของ BMW เข้าใกล้บรรลุเป้าหมายยอดขายรถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้า (BEV) ที่ปีนี้จะเติบโต 15% ของการส่งมอบทั้งหมด โดยเพิ่มขึ้นจาก 12.6% ในช่วงครึ่งแรกของปี สามารถแซงหน้า Mercedes-Benz และ Porsche ที่มีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่รวมประมาณ 11%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- รถยนต์ไฟฟ้า EV ครองใจกลุ่มลูกค้าองค์กร นักการทูต โรงแรม 5 ดาว ดันยอดขายแบรนด์ BMW ไตรมาสแรกโตพุ่ง 37%
- Elon Musk ผู้ซึ่งต้องการเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินเป็น ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ กำลังกังวลเกี่ยวกับ ‘การขาดแคลนไฟฟ้า’ ในอเมริกา
- ส่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจแบบฉบับ ‘จีนยุคใหม่’ ในวันที่เศรษฐกิจซึม ให้นายจ้างเพิ่มวันหยุดแบบมีค่าจ้าง ลดเงื่อนไขซื้อรถ EV หนุนจัดคอนเสิร์ต
Oliver Zipse ประธานและซีอีโอ BMW Group กล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะซบเซาไปบ้าง แต่ BMW Group ก็สามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้ามากกว่า 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว BMW ยังเป็นที่หนึ่งในกลุ่มรถพรีเมียมระดับโลก โดยมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 20% ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก BMW มีรายได้แตะ 74 ล้านยูโร
แม้มีตัวเลขลดลงเล็กน้อยจากการตัดสินใจเข้าควบคุมกิจการร่วมค้า BMW Brilliance Automotive (BBA) ของจีน แต่ผลประกอบการไตรมาส 2 ภาพรวมได้รับประโยชน์จากราคาและยอดขายที่สูงขึ้นกว่า 11.3%
ยังไม่ระบุจุดสิ้นสุดเครื่องยนต์สันดาปตาม Volkswagen และ Mercedes-Benz
Oliver ย้ำว่า BMW มุ่งลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาอย่างยาวนาน แม้กระแสรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาแรงก็จริง แต่ยังคงย้ำเสมอว่า “ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าโลกกำลังจะเลิกใช้รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป” โดยต้องไม่ลืมว่า ปัจจุบันไม่ใช่ทุกประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่จะจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้มากเพียงพอ
ดังนั้น เขาปฏิเสธที่จะกำหนดวันสิ้นสุดการผลิตตามที่ Volkswagen และ Mercedes-Benz ได้ดำเนินการไปแล้ว พร้อมทั้งบอกอีกว่า “มันยังเร็วเกินไป” เขาต้องการชี้ให้เห็นถึงความพร้อม ที่ไม่ใช่ทุกประเทศจะสามารถหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาสที่ผ่านมา BMW เพิ่มการลงทุนด้าน R&D เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี จาก 300 ล้านยูโรเป็น 1.84 พันล้านยูโร (หรือราว 2 พันล้านดอลลาร์) โดยตั้งเป้าหมายระยะยาวในการส่งมอบ BEV จำนวน 2 ล้านคันทั่วโลกภายในสิ้นปี 2568 และคาดว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมดจะเป็น BEV ภายในปี 2573
ส่วนคาดการณ์การเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในยุโรปและกลุ่มตลาดแบรนด์รถหรู ถือว่ายอดขายยังแข็งแกร่งในสหรัฐอเมริกา มีเพียงตลาดจีนที่คาดว่าจะเติบโตลดลงเล็กน้อยในช่วงที่เหลือของปี หลังจากประเมินแนวโน้มประจำปีเกี่ยวกับคำสั่งซื้อและการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน
Tesla ในจีนยอดขายแผ่ว 31% สวนทาง BYD
ด้านผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ Tesla จากสหรัฐฯ รายงานยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในเดือนกรกฎาคมที่ผลิตในจีนได้ 64,285 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขลดลงถึง 31% จากเดือนก่อนหน้า โดยรุ่นนิยมยังคงเป็น Model 3 และ Model Y ขณะที่การผลิตในจีนก็พบว่า เนื่องจากบริษัทอัปเกรดโรงงานของ Tesla ในเซี่ยงไฮ้ ทำให้การผลิตลดลงตามมาอีกด้วย
ขณะที่ BYD คู่แข่งจากจีน ซึ่งมีรถยนต์ EV รุ่น Dynasty และ Ocean และรถยนต์ไฮบริด กลับมียอดขายเพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกรกฎาคม เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 261,105 คัน และการส่งออก 18,169 คัน
อ้างอิง:
- www.reuters.com/business/autos-transportation/bmw-sees-solid-revenue-growth-first-half-2023-08-03/
- https://finance.yahoo.com/news/bmw-earnings-automaker-boosts-outlook-invests-more-in-ev-as-sales-grow-145923275.html
- www.reuters.com/business/autos-transportation/teslas-china-made-ev-sales-july-down-31-mthmth-2023-08-03/