ธนาคารกสิกรไทยประกาศแยก ‘บริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด’ หรือ เคไอวี (KASIKORN INVESTURE: KIV) เพื่อบรรลุการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว และปรับปรุงบริการทางการเงินแก่ฐานลูกค้ารายย่อย
การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์ของธนาคารกสิกรไทยในการปรับปรุงการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนทางธุรกิจโดยรวมและสินเชื่อ โดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ของธนาคาร และความแข็งแกร่งของพันธมิตรทางธุรกิจ
พัชร สมะลาภา จะเข้าดำรงตำแหน่ง Group Chairman ของเคไอวี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แจ้งลาออกจากตำแหน่งกรรมการ (มีอำนาจผูกพัน) และกรรมการผู้จัดการของธนาคาร รวมถึงตำแหน่งอื่นๆ ในธนาคาร และบริษัทของธนาคาร หรือที่ธนาคารมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในปัจจุบัน
ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทและโครงสร้างของเคไอวีว่า ได้รับการจัดตั้งเป็นบริษัทโฮลดิ้งภายในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย โดยมีหน้าที่หลักคือการลงทุนในบริษัทอื่น ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธนาคารกสิกรไทยในการเพิ่มศักยภาพ และยกระดับคุณภาพชีวิตและธุรกิจของลูกค้า
นอกจากนี้เคไอวียังออกแบบมาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งโดยรวมของธนาคารกสิกรไทยและพันธมิตร โดยเน้นการสร้างรายได้ตามความเสี่ยงแต่อยู่ในขอบเขตต้นทุนที่เหมาะสม เป็นแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่รวมการคำนวณความเสี่ยงเข้ากับการจัดการต้นทุน ซึ่งจะเพิ่มผลกำไรและประสิทธิภาพ
ขณะที่พัชรย้ำว่า จุดมุ่งหมายของเคไอวี คือการเพิ่มขีดความสามารถของธนาคารกสิกรไทยในการนำเสนอบริการทางการเงินที่ครบวงจรแก่ลูกค้ารายย่อย ในขณะที่ลดต้นทุนการดำเนินงานและต้นทุนสินเชื่อเพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร
จุดแข็งที่สำคัญประการหนึ่งของเคไอวีอยู่ที่การมุ่งเน้นในการเป็นพันธมิตรกับบริษัทจากหลากหลายสาขา ความร่วมมือเหล่านี้เมื่อรวมกับทรัพยากรที่มีอยู่ของธนาคาร ซึ่งรวมถึงฐานลูกค้ากว่า 20 ล้านราย แอปพลิเคชัน K PLUS ทรัพยากรทางการเงิน ข้อมูล โครงสร้างพื้นฐานด้านไอที และเครือข่ายสาขาที่กว้างขวาง จะช่วยให้เคไอวีนำเสนอบริการทางการเงินที่ครบวงจรได้
ที่สำคัญ โมเดลธุรกิจของเคไอวีช่วยให้เข้าใจลูกค้าที่หลากหลายในเชิงลึก ส่งผลให้สามารถให้บริการทางการเงินที่ครอบคลุม ซึ่งรองรับกลุ่มประชากรต่างๆ ตั้งแต่ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและร้านค้าขนาดเล็ก ไปจนถึงลูกค้าที่ไม่มีรายได้ประจำ กลุ่มเหล่านี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย และต้องการการสนับสนุนทางการเงินที่แข็งแกร่งเพื่อรักษาสภาพคล่อง
ปัจจุบัน บริษัทที่อยู่ในโครงสร้างของเคไอวีประกอบด้วย 14 บริษัท มีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะมีกำไรอยู่ราว 1,000 ล้านบาทด้วยกัน