ถ้าเครื่องยนต์กลไกขับเคลื่อนด้วยพลังงานน้ำมัน ตัวละครลับที่ช่วยขับเคลื่อนก็คือ ‘น้ำมันหล่อลื่น’ เนื่องจากเป็นตัวละครลับ หลายคนเลยไม่ค่อยนึกถึงหรือแม้แต่ไม่รู้จักมันด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่มันเป็นส่วนหนึ่งในการหล่อลื่นขับเคลื่อนชีวิตผู้คนในสังคม
ประเทศไทยเราพึ่งพิง ‘น้ำมัน’ จากต่างชาติมาโดยตลอด ไทยสั่งซื้อน้ำมันครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2431 ตอนนั้นเราสั่งน้ำมันก๊าดนำเข้าจากรัสเซีย เพื่อจุดไฟตะเกียงตามบ้านและถนนหนทางแทนน้ำมันพืชและไขสัตว์ อีก 4 ปีถัดมาในช่วง พ.ศ. 2435 การใช้น้ำมันก๊าดเริ่มแพร่หลายอย่างมากในไทยแล้ว เรามีบริษัทต่างชาติมาเป็นผู้นำเข้าน้ำมันก๊าดขายในประเทศไทยก็คือ รอยัล ดัตช์ และเชลล์ ทรานสปอร์ต แอนด์ เทรดดิ้ง (ปัจจุบันคือเชลล์) และแสตนดาร์ดออยล์ (ปัจจุบันคือเอสโซ่) ตามลำดับ จะเรียกได้ว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงบุกเบิกของพลังงานน้ำมันไทยเลยก็ว่าได้ รถยนต์และเครื่องยนต์กลไกเริ่มเข้ามาในประเทศไทย
น้ำมันตรานกแดง จุดเริ่มต้นน้ำมันหล่อลื่นในไทย
และจุดเริ่มต้นของน้ำมันหล่อลื่นในไทยก็เกิดขึ้นช่วงนี้เช่นกัน โดยแสตนดาร์ดออยล์ได้รวมกิจการกับแว๊คคั่มออยล์จำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นตราการ์กอยล์ (Gargoyle) คนสมัยนั้นเรียกติดปากว่า ‘ตรานกแดง’ นับแต่นั้นมาการใช้น้ำมันในไทยเพิ่มความนิยมอย่างต่อเนื่อง
กาลเวลาพาเราผ่านสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ส่งผลกระทบต่อไทยอย่างมาก เพราะบริษัทน้ำมันข้ามชาติในไทยปิดตัวลง ภาวะขาดแคลนน้ำมันก็ตามมา โรงกลั่นน้ำมันบริษัทต่างชาติถูกระเบิดเสียหาย ทำให้ไทยต้องเร่งฟื้นฟูกิจการน้ำมันอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่พ้นกิจการของบริษัทข้ามชาติ รอยัล ดัตช์ และเชลล์ ทรานสปอร์ต แอนด์ เทรดดิ้ง (ปัจจุบันคือเชลล์) และแสตนดาร์ดออยล์ (ปัจจุบันคือเอสโซ่) กลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง ก่อนที่จะออกกฎหมายจัดตั้งองค์การเชื้อเพลิงเมื่อ พ.ศ. 2503 ภายใต้สัญลักษณ์สามทหาร
กำเนิดน้ำมันหล่อลื่นไทยตราสามทหารเสือ
เราผ่านบทเรียนจากสงครามโลกมาแล้วสองครั้ง แต่กว่าจะเริ่มตระหนักว่าไทยควรลดการพึ่งพิงพลังงานน้ำมันจากต่างชาติ ก็ต้องรอให้เกิดวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกสองครั้งคือ ช่วง พ.ศ. 2516-2517 และ พ.ศ. 2523-2526 และนั่นคือที่มาของการตั้งการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ ปตท. เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2521
นอกจากการหาก๊าซธรรมชาติเป็นแหล่งพลังงานของไทยเองแล้ว ตัวละครลับอย่างน้ำมันหล่อลื่นคือสิ่งที่ผู้นำในยุคนั้นเล็งเห็นว่าเราต้องผลิตขายเอง ปตท. จึงทำตลาดน้ำมันหล่อลื่นภายใต้แบรนด์สามทหารเสือ
ช่วง พ.ศ. 2524 ปตท. ได้จัดตั้งฝ่ายวิจัยและพัฒนาขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ศึกษา วิจัย ทดสอบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ ปตท. โดยต่อมาช่วง พ.ศ. 2534-2546 ปตท. ใช้เวลา 12 ปีนี้พัฒนาผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต และการทำการตลาด มีการตั้งสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. (PTT Research and Technology Institute) ตั้งโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์หล่อลื่นมาตรฐานสากล Thai Lube Blending Company (TLBC) และพัฒนาแบรนด์น้ำมันหล่อลื่น ปตท. ภายใต้แบรนด์ PTT Lubricants
และเริ่มพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ ตั้งหน่วยงานเทคนิคหล่อลื่น เพื่อให้บริการเชิงเทคนิคทั้งก่อนและหลังการขาย เริ่มปรับเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งใหม่ทั้งหมด และขยายช่องทางการจัดจำหน่าย โดยตั้งศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นในสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ PROcheck และปัจจุบันมีธุรกิจ Fast Fit ของตัวเองภายใต้ชื่อ Fit Auto
แบรนด์ไทยชนะฝรั่ง ครองยอดขายสูงสุดในไทย
จนในที่สุด พ.ศ. 2552 PTT Lubricants สามารถครองส่วนแบ่งตลาดน้ำมันหล่อลื่นเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทย รวมถึงต่อยอดนำแบรนด์ PTT Lubricants ไปจำหน่ายในต่างประเทศ โดยในปัจจุบันได้วางจำหน่ายไปแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก อาจเรียกได้ว่าประวัติศาสตร์พลังงานน้ำมันของไทยถูกพลิกไปอีกข้าง จากประเทศที่พึ่งพาการผลิตและจำหน่ายน้ำมันจากบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ เดินหน้าสู่แบรนด์คนไทยส่งน้ำมันหล่อลื่นขายไปทั่วโลก นำแบรนด์ไทยไปสู่ระดับสากลได้สำเร็จ
ถอดบทเรียนแบรนด์ไทยชนะแบรนด์ต่างชาติ
ถ้าจะต้องถอดเคล็ดลับความสำเร็จเพื่อเป็นบทเรียนให้กับอุตสาหกรรมอื่นว่า ทำอย่างไรให้พลิกจากผู้นำเข้าไปเป็นผู้ผลิตที่ได้รับการยอมรับจากทั้งคนไทยและตลาดโลกของ PTT Lubricants ก็จะถอดออกมาได้ 5 ส่วนด้วยกัน
- ตั้งเป้าให้ใหญ่ ลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาสินค้า สิ่งแรกที่ PTT Lubricants ทำคือการตั้งสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. นี่คือหัวใจของความสำเร็จ เป้าหมายคือการทำให้สินค้าได้รับการรับรองตามมาตรฐานโลก ลงทุนกับเครื่องมือและอุปกรณ์ทดสอบที่ทันสมัย รวมถึงบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ที่สุดแล้วทำให้สถาบันวิจัยแห่งนี้มีความทันสมัยและเพียบพร้อมที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลายเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา เมื่อหลังบ้านงานวิจัยแข็งแรง ก็พร้อมจะปรับปรุงสินค้าให้ก้าวทันความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ
- ผลิตได้ทัน มาตรฐานไม่ตก PTT Lubricants มีโรงงานที่มีมาตรฐานการผลิตในระดับสากล มีกำลังการผลิตเพียงพอ สามารถรองรับการเจริญเติบโตของยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถ้าของดีแต่ผลิตขายไม่ทันหรือผลิตแล้วหลุดมาตรฐาน ก็ไม่สามารถเติบโตได้
- รู้จักตลาด เจาะไปให้ครบทุกกลุ่ม ตลาดน้ำมันหล่อลื่นไม่ได้มีเฉพาะนำ้มันเครื่องรถยนต์เท่านั้น แต่ครอบคลุมไปถึงภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย การเข้าใจตลาด เข้าใจลูกค้า ครองใจผู้บริโภคให้ได้ ใช้จุดแข็งความเป็นแบรนด์ไทยที่ราคาถูกกว่าคู่แข่ง แต่ได้คุณภาพระดับโลกเหมือนกัน เจาะเข้าไปในทุกที่ที่ลูกค้าอยู่
- ขายของได้ แต่ยังไม่ทิ้งลูกค้า มัดใจด้วยบริการหลังการขายที่มีคุณภาพ มีทีมงาน PTT Lubricants Solutions ซึ่งเป็นบริการเชิงเทคนิคครบวงจร ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด
- การตลาดดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ผลักดันแบรนด์ PTT Lubricants สนับสนุนทีมแข่งขันกีฬา Motor Sport เพื่อเสริมภาพลักษณ์การเป็นตัวจริงในผลิตภัณฑ์นี้ รวมถึงไล่ล่าคว้ารางวัลมาการันตีสินค้า เพื่อตอกย้ำคุณภาพของสินค้า
ปัจจุบัน ปตท. ปรับโครงสร้างขยายเพิ่มมาเป็นบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTT Oil and Retail Business Company Limited หรือ OR เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาด้านนวัตกรรมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้เป็นที่เชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค และเป้าหมายต่อไปของ PTT Lubricants คือต้องได้รับการยอมรับในฐานะ Global Brand พลิกโฉมประเทศไทยจากผู้พึ่งพิงการนำเข้าน้ำมัน สู่แบรนด์ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นระดับโลก