วันนี้ (17 กรกฎาคม) สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ของจีนประจำไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งปรับตัวขึ้น 6.3% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม การเติบโตดังกล่าวต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 7.1% จากการสำรวจความเห็นของ Bloomberg
ขณะที่ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจต่างๆ สำหรับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สะท้อนภาพที่ดีและแย่ผสมกันไป ในฝั่งของยอดค้าปลีกและภาคอสังหาริมทรัพย์อ่อนตัวลง ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวดีขึ้น
ในมุมของ สรพล วีระเมธีกุล หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย มองว่า ตัวเลขเศรษฐกิจจีนส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้โดยเฉพาะตัวเลขค้าปลีก
“จะเห็นว่าตัวเลขหลายตัวไม่ได้ดีกว่าคาดไว้ ทำให้เราน่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นจากทางการจีนชัดเจนขึ้นในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า เพราะตัวเลขเงินเฟ้อกำลังจะติดลบ ขณะที่ตัวเลข PMI ทั้งภาคการผลิตและบริการยังค่อนข้างต่ำ เช่นเดียวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ดีเหมือนในอดีต”
มาตรการกระตุ้นของจีนที่น่าจะเห็นในเร็วๆ นี้คือ การกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อง่ายขึ้น และการระบายสต๊อกคงค้าง รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
ส่วนการปรับตัวลงของหุ้นจีนราว 1% สรพลกล่าวว่า “ส่วนตัวมองว่าไม่ได้ปรับตัวลงมากนัก ที่ผ่านมาหากตัวเลขเศรษฐกิจแย่หุ้นจีนมักจะลดลง 2-3% แต่ครั้งนี้นักลงทุนพอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว และคาดหวังว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นออกมา หลังจากนั้นหุ้นจีนน่าจะฟื้นตัวได้ โดยการส่งออกของจีนน่าจะฟื้นในครึ่งปีหลัง แต่สิ่งที่ต้องตามคือภาคอสังหา”
Hao Zhou หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Guotai Junan Hong Kong เปิดเผยว่า ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะการชะลอตัวของการบริโภค ซึ่งจำเป็นจะต้องมีนโยบายกระตุ้นมาสนับสนุนฝั่งอุปสงค์ เราเชื่อว่าจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ดี ทางการจีนได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP ในปีนี้ที่ราว 5% แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจหลายด้าน ทั้งแนวโน้มของเงินฝืดที่เพิ่มขึ้น การส่งออกที่ลดลง และวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์
ธนาคารกลางแห่งประเทศจีน (PBOC) ซึ่งเพิ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่งสัญญาณว่าพยายามจะหยุดการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินไปมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายรายคาดว่าจะเห็นการตัดสินใจกระตุ้นเศรษฐกิจตามมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
การเติบโตของ GDP จีนที่ผิดไปจากที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้ ทำให้ตลาดหุ้นจีนตอบรับในเชิงลบช่วงเช้านี้ โดยดัชนี CSI 300 ลดลงราว 1% ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียเป็นภาพของการบวกลบสลับกันไป โดยตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้เช้านี้ เช่น ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, อินเดีย และเวียดนาม ส่วนตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงเช้านี้ เช่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ ส่วนตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ดัชนี SET ค่อนข้างทรงตัว โดยมีทั้งช่วงที่ดัชนีขึ้นไปบวกได้ราว 5 จุด และลดลงไปติดลบราว 2.5 จุด
ด้าน Xing Zhaopeng นักกลยุทธ์อาวุโสของ Australia and New Zealand Banking Group กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าคาดทำให้ทางการจีนเตรียมพร้อมที่จะเร่งการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นการลงทุน
“มีสัญญาณหลายอย่าง รวมทั้งการหารือระหว่างรัฐบาลและนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งผู้ประกอบการต่างๆ สะท้อนว่านโยบายกระตุ้นกำลังจะตามมา การใช้จ่ายด้านการคลังจะเป็นที่จับตาในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า”
อ้างอิง: