บริษัทการเงินระดับโลกอย่าง KKR ทุ่มเงินลงทุนไปยังภาคส่วนที่ขับเคลื่อนด้วยผู้บริโภคในจีน ตั้งแต่บริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงไปจนถึงสุรา ร้านขายยา หรือแม้กระทั่งโคมไฟ โดยเลิกสนใจการลงทุนเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว
ข้อมูลจาก MarketWatch ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบัน หุ้นของ Yantai China Pet Foods ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงสัญชาติจีนที่ใหญ่ที่สุด ปรับตัวขึ้น 10.49% ด้าน Sanan Optoelectronics หนึ่งในบริษัทผลิตและจำหน่าย LED ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังทรงตัวตลอดปี DaShenLin Pharmaceutical Group บริษัทร้านยาค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในจีน ดิ่งลง 17.45% และ Kweichow Moutai แบรนด์เครื่องดื่มสุราจีนที่เป็นที่รู้จักบนเวทีโลก ลดลงเล็กน้อยเพียง 1.51%
โจเซฟ เบ ซีอีโอร่วมของ KKR แถลงต่อสำนักข่าว CNBC ว่า KKR มีเงินลงทุนประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ในจีน และจุดสนใจหลักจะอยู่ในสิ่งที่บริษัทคาดว่าจะเป็นโอกาสในตลาด ซึ่งเชื่อว่าเป็นภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ
บริษัทตั้งใจที่จะแสวงหาประโยชน์และตอบสนองต่อชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตจำนวน 400 ล้านคนในจีน ในขณะที่ประชาชนเหล่านั้นกำลังแสวงหาอาหารและบริการที่มีคุณภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ KKR ยังได้ดำเนินงานส่วนต่างๆ ในประเทศจีน โดยมีสำนักงานในเมืองหลวงอย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง
เมื่อเดือนที่แล้วทางการจีนเสนอมาตรการกระตุ้นการบริโภคผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนโดยไม่ลงรายละเอียด อีกทั้งเมื่อเร็วๆ นี้จีนยังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ ชี้ให้เห็นถึงโมเมนตัมการเติบโตที่ช้าลง และเกิดการเรียกร้องให้กระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น
เบเสริมว่า จุดสนใจของบริษัทไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่กำลังเป็นประเด็นละเอียดอ่อนอยู่ในขณะนี้ เช่น เซมิคอนดักเตอร์, A.I. และซูเปอร์คอมพิวเตอร์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจีนได้กำหนดควบคุมการส่งออกโลหะสองชนิดที่สำคัญในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อเป็นการเตือนสหรัฐฯ และยุโรป ถึงสงครามการค้าทางเทคโนโลยีที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการเข้าถึงไมโครชิป
เบยังเตือนว่า ความซับซ้อนทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ กำลังทวีความรุนแรงขึ้น และเรียกร้องให้นักลงทุนมีความรอบคอบในการลงทุนในจีนมากขึ้น แม้ว่าจะมีการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจก็ตาม
อ้างอิง:
