รักในออฟฟิศ เป็นสิ่งที่หลายคนหลีกเลี่ยงไม่อยากให้เกิด เพราะการมีแฟน 2 สถานะคือเป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและเป็นทั้งคนรัก มักเป็นเรื่องยากจะจัดการ เดี๋ยวทะเลาะกันเรื่องงานบ้าง อยู่ใกล้กันจนไม่มีเวลาให้คิดถึงบ้าง หรือต้องตกเป็นเรื่องเมาท์ของเพื่อนร่วมงานบ้าง สารพัด
วันนี้ ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ และ บองเต่า อาสารวมเคสเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับชาวออฟฟิศมาคุยกันว่า หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เราจะทำอย่างไรให้ความรักอยู่รอดปลอดภัย ไม่เอาเรื่องรักและงานมาปนกันจนเละในที่สุด
หากลองสังเกตประชากรในออฟฟิศของเราอาจพบว่ามีคู่รักอยู่ไม่น้อย บางคู่ก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่บางคู่ก็ทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน สร้างบรรยากาศแย่ๆ ให้กับการทำงาน แต่อย่างที่เรารู้กัน ความรักไม่ว่าจะที่ไหนก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีของการมีรักในออฟฟิศ
1. ได้พลังบวก ตอนคบกันใหม่ๆ ที่อะไรๆ ก็เป็นสีชมพู ความรักช่วงนี้จะเป็นพลังดีๆ ที่ทำให้ตั้งใจทำงานได้ จากที่เคยเกลียดวันจันทร์ก็จะรู้สึกคึกคักตั้งแต่ต้นสัปดาห์ เพราะอยากไปเจอหน้าเธอ โดยเฉพาะคนที่มีแฟนอยู่แผนกเดียวกันก็จะรู้สึกเหมือนมีกำลังใจอยู่ใกล้ตัว หันไปเมื่อไรก็เจอ มีเธอคอยปลอบประโลมจิตใจในวันที่เหนื่อยล้า
2. ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ทุกวันนี้การมีความสัมพันธ์เป็นเรื่องยาก ที่ทำงานไกลกันก็เป็นหนึ่งในอุปสรรค จะเจียดเวลามาเจอกันแต่ละครั้งก็ยากเหลือเกิน การมีคนรักทำงานที่เดียวกันอาจทำให้ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น
3. เข้าใจกันมากขึ้น การมีคนรักอยู่ใกล้กันอาจทำให้เห็นทุกข์สุขของกันมากขึ้น คู่รักต่างออฟฟิศอาจนึกไม่ออกเลยว่าในแต่ละวันคนรักของตัวเองต้องเจออะไรบ้าง คู่ที่ทำงานที่เดียวกันอาจได้มีประสบการณ์ร่วมกัน เจอปัญหาคล้ายๆ กัน เช่น โดนเจ้านายด่าด้วยเรื่องเดียวกัน ก็จะเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น
4. สบายใจที่อยู่ใกล้ตา บางคนเป็นประเภทอยากให้คนรักอยู่ในสายตาตลอดเวลา การอยู่ในออฟฟิศเดียวก็อาจทำให้ไม่ต้องกังวลเพราะความไม่รู้และความความไกลหูไกลตาต่างๆ
ข้อเสียของการมีรักในออฟฟิศ
มีคนจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับการมีความรักในออฟฟิศ เพราะเต็มไปด้วยความยุ่งยาก โดยรวมแล้วข้อเสียมากกว่าข้อดี มีโอกาสที่จะพากันเจ๊งทั้งการงานและความรัก
1. เพิ่มความซับซ้อน เป็นแฟนอย่างเดียวก็ปัญหามากพอแล้ว นี่พ่วงสถานะเพื่อนร่วมงานเข้าไปอีก จนบางทีเริ่มแยกแยะยาก หรือพอเอาความสัมพันธ์ไปปนกันกับงาน ปัญหาที่น่าจะแก้ได้ง่ายก็กลายเป็นซับซ้อน เพราะมีเรื่องความรู้สึกเข้าไปเกี่ยว
2. อยู่ใกล้กันเกินไป ความรักต้องการระยะห่างบ้าง เพราะจะได้มีพื้นที่ให้คลี่คลายเมื่อเจอปัญหา ต่างคนจะได้มีสเปซของตนเอาไว้พักอารมณ์และทบทวน ลองนึกภาพดูว่าถ้าต้องทะเลาะกันที่บ้าน นั่งรถก็บึ้งตึงกันมาตลอดทาง ถึงที่ทำงานก็ไปทะเลาะกันต่อให้ห้องประชุมอีก ชีวิตจะไม่เหลือโมเมนต์สงบสุขระหว่างกันเลย
3. ผลประโยชน์ทับซ้อน บางครั้งความรักอาจนำไปสู่ความลำเอียง หรือต่อให้เราไม่ลำเอียง คนอื่นก็อาจมองว่าเราแอบเอื้อผลประโยชน์ให้คนรัก ก่อความบาดหมางในที่ทำงานเปล่าๆ
แต่ถ้าเกิดรักกันไปแล้ว ทำอย่างไรให้รอด
ไม่มีวิธีใดที่สามารถรับประกันได้ว่าความรักจะไปรอด ไม่ว่าจะในหรือนอกออฟฟิศ แต่เราพอจะสรุปแนวคิดที่จะทำให้รักในที่ทำงานเป็นเรื่องไม่เสียหาย ดังนี้
1. ระวังไม่ให้เกิดปัญหาที่เรารู้ข้อจำกัดตั้งแต่แรก เช่น รู้อยู่แล้วแต่แรกว่าอาจเป็นที่ครหานินทาของคนในออฟฟิศได้ นั่นแสดงว่าเรายิ่งต้องระวัง วางตัวให้ดี อย่าให้เขาเมาท์ได้ว่าไม่เป็นมืออาชีพ
2. รักกันแล้วงานต้องดี ให้เป็นที่ชื่นชม เมื่อรักกันและอยู่ออฟฟิศเดียวกัน ทั้งคู่ต้องดูแลช่วยเหลือเรื่องงานของอีกฝ่ายให้รุ่งไปด้วยกัน อย่าลืมว่าคนมันจ้องจะนินทาหรือสมน้ำหน้าเราอยู่ ก็อย่าให้เขาเอาไปพูดได้ว่าพอมีแฟนแล้วงานเสีย ซึ่งถ้าคิดในแง่ดี นี่ก็จะทำให้เราระวังตัวมากขึ้น และอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
3. แยกแยะ ปกติแล้วชีวิตมนุษย์เราจะมีหลายด้าน ครอบครัว การงาน ความรัก การเงิน แต่การมีรักในออฟฟิศมันคือการเอาหลายด้านที่ว่ามากองรวมกัน แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังต้องแยกสองเรื่องให้ออกจากกัน ตอนทำงานก็ต้องปฏิบัติตัวและให้เกียรติเขาในฐานะเพื่อนร่วมงาน ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะมีอคติบางอย่าง เช่น ให้ความสนใจคนนี้เป็นพิเศษ (หรือบางครั้งตอนทะเลาะกันก็จะไม่สนใจคนนี้เป็นพิเศษ) แม้แต่ตอนประชุมแล้วทะเลาะกัน ก็ขอให้รู้ว่าคือการทะเลาะกันในฐานะเพื่อนร่วมงาน จบคือจบ ไม่ต้องเอาไปทะเลาะกันต่อที่บ้าน
4. สื่อสารกันให้เข้าใจ ในกรณีนี้หมายความว่า ให้เข้าใจกันว่าเรื่องไหนที่ควรคุย และเรื่องไหนที่ไม่ควรคุย การทำงานที่เดียวกันไม่จำเป็นว่าต้องคุยกันแต่เรื่องงานก็ได้
สุดท้ายแล้วไม่มีความสัมพันธ์ไหนที่ง่ายเสมอไป อย่างไรก็เจอปัญหา รักในที่ทำงานก็เป็นปัญหาแบบหนึ่งที่เจอได้ในความรัก ก็เท่านั้นเอง
หลากหลายเคสรักๆ ใคร่ๆ ในที่ทำงาน
แอบคบกันอย่างไรไม่ให้เพื่อนในออฟฟิศรู้
หลายคู่อยากคบกันเงียบๆ ไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานรู้เพราะกลัวโดนแซว หรือถ้าความรักไปไม่รอดก็กลัวโดนเขาสมน้ำหน้า แต่ทุกวันนี้โซเชียลเน็ตเวิร์กก็สร้างทักษะในการเผือกของผู้คนให้แกร่งขึ้นมาก ทำให้เรื่องนี้ยากจะปิด เลยอยากให้คิดใหม่ว่า งั้นก็เปิดไปเลย แต่เราต้องประพฤติตัวให้ดี เพราะเราไม่สามารถห้ามไม่ให้ใครพูดถึงเราได้ ลองคิดกลับกันว่าขนาดเราเองยังได้ยินเรื่องเมาท์ของคนอื่นอยู่เสมอ แล้วเราพิเศษกว่าคนอื่นอย่างไรเขาถึงจะละเว้น และต่อให้ไม่โดนเมาท์เรื่องนี้ ก็โดนเมาท์เรื่องอื่นได้อยู่ดี
แฟนเก่ามาอยู่ออฟฟิศเดียวกัน ควรทำอย่างไร
คิดเพียงอย่างเดียวว่า ต้องหนักแน่นในความคิดและพฤติกรรมของเรา แม้ว่าข้างในเราจะรู้สึกอะไรก็ตาม เจ็บปวด คิดถึง หรือเคียดแค้น แต่ตอนทำงานให้คิดเสมอว่า งานต้องเดิน เพราะวันนี้เราอยู่ด้วยกันในฐานะเพื่อนร่วมงาน อย่ามองหน้าเขาแล้วเห็นเป็นแฟนเก่า แต่ต้องเห็นหน้าเขาเป็นแค่เพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง
อาจเป็นเรื่องยาก แต่อยากให้พยายามเปลี่ยนทุกความรู้สึกลบให้เป็นพลังบวก ถ้าเลิกกันไม่ดี ก็พยายามทำชีวิตให้ดี เพราะที่ผ่านมามันแย่มากแล้ว เมื่อทำงานสำเร็จ เราจะได้ภูมิใจในตัวเอง
ในทุกครั้งที่เลิกกันให้คิดเสมอว่าเรากำลังจะมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่า
ควร One Night Stand กับเพื่อนร่วมงานไหม
One Night Stand ไม่ใช่สิ่งผิด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะกับทุกคน ถ้าคิดว่าทำแล้วสามารถรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมด ก็ทำได้ แต่การ ‘ทำได้’ ที่ว่านั้นต้องผ่านการไตร่ตรองมาก่อน นอกจากความอยาก ความสนุก ให้เอาข้อดีข้อเสียทั้งหมดมาแบบนหน้าตัก และตัดสินใจร่วมกัน เคลียร์กันให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นว่ามันคืออะไร เรานิยามมันว่าอะไร เราเข้าใจมันตรงกันไหม มันมีโอกาสเกิดผลกระทบอะไรในอนาคต และรับได้ไหม
รักกับเพื่อนร่วมงานแต่ออฟฟิศมีกฎห้ามพนักงานคบกัน ควรทำอย่างไร
กฎนี้เกิดขึ้นเพราะเกรงว่าความสัมพันธ์จะก่อให้เกิดการเอื้อผลประโยชน์ในบริษัท ทั้งยังเป็นอุปสรรคในการทำงาน เมื่อบริษัทมีกฎอย่างนี้ เราควรชั่งน้ำหนักให้ดีว่าระหว่างงานกับความสัมพันธ์ ถ้าจะต้องเลือกทิ้งสักสิ่งหนึ่งเรายอมไหม ถ้าเลือกที่จะคบกันต่อไป อาจต้องมีคนใดคนหนึ่งยอมเปลี่ยนงาน จะมีใครยอมเดินออกจากออฟฟิศเพื่อรักครั้งนี้จริงหรือเปล่า และมันจะคุ้มไหม
หรือถ้าจำต้องเลือกงาน ลองบอกตัวเองแบบองุ่นเปรี้ยวเบาๆ ว่า สิ่งใดที่เราไม่ได้ครอบครอง เราจะมองเห็นมันสวยงามเสมอ เนื่องจากระยะห่างทำให้เราไม่ได้ใกล้กันมากพอจะเห็นข้อเสีย การไม่ได้เป็นคนรักกันอาจจะปลอดภัยต่อทั้งคู่มากกว่า
รักล่มในออฟฟิศ แต่ยังต้องเห็นหน้ากันทุกวัน จะทำอย่างไรดี
อดีตคู่รักในออฟฟิศ เลิกกันแล้วยังหนีจากกันไปไหนไม่ได้ ยังต้องเห็นหน้ากันทุกวัน ยังต้องรับรู้ความเป็นไปของกันและกัน ใครกำลังเผชิญเหตุการณ์นี้ แนะนำว่า
1. หาที่ปรึกษา ลองหาตัวช่วย การคุยกับเจ้านายหรือ HR ที่สนิทก็เป็นความคิดที่ไม่เลว ถ้าไม่ไหวจริงๆ อาจขอย้ายไปทำโปรเจกต์อื่น หรือแผนกอื่น
2. เปลี่ยนไปโฟกัสเรื่องอื่น เอาความชอกช้ำไปลงที่งานหรือการออกกำลังกายเสีย อกหักแล้วยอดขายพุ่ง หรือโดนทิ้งแล้วสวยขึ้น ก็เป็นการกลับมาผงาดอีกครั้งที่ดีงาม
ในความเป็นจริงแล้ว ชีวิตเราไม่ได้พังเพราะความรักครั้งเดียวหรอก ถ้าเราไม่ยอม ไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่เคยอกหัก ถ้ามันเศร้าก็เศร้าซะให้เต็มที่แบบไม่ต้องแคร์ใคร แล้วมันก็จะดีขึ้นเอง
3. หนี ถ้ารู้ตัวเองว่ามันหนักหนาจนไม่สามารถรับมือได้จริงๆ การหนีก็เป็นทางออกเฉพาะหน้าอย่างหนึ่งที่ทำให้เรารอดพ้นความรู้สึกนี้เร็วที่สุด แต่ก็ขอให้เป็นการหนีชั่วคราว แล้วอย่าลืมวางแผนในการคัมแบ็กให้สวยงามด้วย คำแนะนำคลาสสิกเมื่อกี้ที่บอกให้ ‘เอาความช้ำไปลงที่งานหรือการออกกำลังกาย’ ยังเป็นสิ่งที่ได้ผลเสมอ
ฟังรายการ I HATE MY JOB พอดแคสต์ โดยแอปฯ Podcasts (สำหรับผู้ใช้ iOS), Podbean และแอปฯ ประเภท Podcast Player ยี่ห้อใดก็ได้ (สำหรับผู้ใช้ Android) หรือฟังทาง SoundCloud และ YouTube ก็ได้เช่นกัน
Credits
The Host ไชยณัฐ สัจจะประเมษฐ์, ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
Show Creator ภูมิชาย บุญสินสุข
Show Producer อธิษฐาน กาญจนะพงศ์
Show Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์
Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ
Coordinator & Admin อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค
Art Director อนงค์นาฎ วิวัฒนานนท์
Proofreader พรนภัส ชำนาญค้า
Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์
Music Westonemusic