ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนของเรา ยังคงเติบโตโดดเด่นและน่าสนใจ ซึ่งหากติดตามสถานการณ์ซัพพลายเชนในหลายๆ อุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง จะเห็นว่าช่วงนี้เริ่มเห็นสัญญาณการย้ายฐานการผลิตของบรรดาบริษัทต่างชาติออกจากประเทศมหาอำนาจอย่างจีน ซึ่งสะท้อนจากตัวเลขลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เบนเข็มมาปักหมุดตลาดอาเซียนกันอย่างคึกคัก เรียกได้ว่าขณะนี้ 3 เสืออาเซียน ไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม กำลังเนื้อหอมมากเป็นพิเศษ และต่างแข่งขันเพื่อผลักดันให้ประเทศขึ้นแท่นฮับซัพพลายเชนของภูมิภาค
THE STANDARD WEALTH สรุปข้อมูลและฉายภาพศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เทียบกับประเทศที่เป็นทั้งเพื่อนบ้านและคู่แข่ง เพื่อค้นหาว่าใครมีแต้มต่อและศักยภาพทางเศรษฐกิจด้านใดบ้าง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
อ้างอิง:
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, BOI (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2565)
- อินโดนีเซีย: อินโดนีเซียมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ และมีประชากรมากที่สุดในอาเซียน โดยช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีเศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด จากนโยบายรัฐบาลบวกกับกระแสทั่วโลกที่หันมาใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) มากขึ้น ซึ่งอินโดนีเซียมีทรัพยากรแร่ที่สมบูรณ์เป็นแต้มต่อ นั่นคือนิกเกิล เพราะเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตแบตเตอรี่ และอินโดนีเซียมีแหล่งสำรองแร่นิกเกิลท็อป 5 ของโลก
- เวียดนาม: เวียดนามขึ้นแท่นประเทศศูนย์กลางการผลิตที่มาแรงในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ด้วยจุดเด่นคือ การเมืองมีเสถียรภาพ ค่าแรงถูก และอานิสงส์จากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ และรัฐบาลมี Vision of Industrialization มุ่งสู่การเป็นประเทศแห่งอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก บวกกับความพร้อมของประชากรวัยแรงงานและวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก ที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมจนติดอันดับโลก Global Innovation Index (GII)
- ไทย: ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในอาเซียน และติดอันดับ 10 ของโลก และเปรียบเสมือน ‘ดีทรอยต์แห่งเอเชีย’ โดยไทยมีซัพพลายเชนที่แข็งแกร่งด้านการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปที่มีญี่ปุ่นเป็นผู้นำตลาด แต่ด้วยเทคโนโลยีโลกที่เปลี่ยนไปทำให้ไทยต้องเผชิญความท้าทายกับผู้เล่นยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
