คดี STARK คืบหน้า DSI เล็งออกหมายเรียกผู้ต้องหา 2-3 รายเป็นกลุ่มแรก หลังพบหลักฐานชี้ร่วมกันทำผิด ล่าสุดวานนี้ (29 มิถุนายน) ก.ล.ต. ส่งหลักฐานเด็ดเพิ่ม ชี้ยังมีผู้ต้องหาอีกหลายรายร่วมทำผิด อยู่ระหว่างรวมหลักฐาน คาดมูลค่าเสียหายรวมแตะแสนล้านบาท
พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ว่า ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษของ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK ที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกรณีที่พบความผิดปกติของงบการเงิน ซึ่งมีมูลน่าเชื่อว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นคดีพิเศษตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่ง DSI ได้รับเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา
โดยภายในสัปดาห์หน้า DSI เตรียมออกหมายเรียกผู้ต้องหาเบื้องต้นจำนวน 2-3 ราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหากลุ่มแรก หลังจากรวบรวมหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิด อีกทั้งล่าสุดวานนี้ (29 มิถุนายน) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นำข้อมูลหลักฐานเอกสารต่างๆ ที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งดำเนินการรวบรวมมาได้เบื้องต้น มาส่งมอบให้กับคณะพนักงานสอบสวนคดี DSI เรียบร้อยแล้ว
“ผู้ต้องหาจำนวน 2-3 รายที่ DSI เตรียมจะออกหมายเรียกในสัปดาห์หน้าให้เข้ามาพบ ตอนนี้มีข้อมูลว่ามีทั้งที่ยังอยู่ในประเทศไทย และมีบางรายที่หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว ซึ่ง DSI ก็จะประสานความร่วมมือทางกฎหมายกับต่างประเทศเพื่อติดตามตัวกลับมา”
อีกทั้งจะออกหมายเรียกพยานที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบสวนขอข้อมูลข้อเท็จจริงและหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อบ่งชี้ไปถึงตัวการและผู้สนับสนุนในการร่วมกันกระทำความผิดในคดีนี้ เพื่อให้มีหลักฐานเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติมที่มีส่วนร่วมในการกระทำผิด
เนื่องจากขณะนี้มีข้อมูลว่า ยังมีผู้ร่วมกระทำความผิดที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกจำนวนหลายราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ เพราะยังอยู่ในช่วงของการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเพิ่มเติม
ขณะที่ข้อมูลหลักฐานที่ DSI มีในขณะนี้ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับกรณีของ STARK อยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้าน หรืออาจสูงถึง 1 แสนล้านบาท โดยมาจากทั้งผลกระทบของราคาหุ้น STARK ที่ปรับตัวลดลง, หุ้นกู้ที่ผิดชำระ, การฉ้อโกงทุจริตภายใน และอื่นๆ
“หลัง DSI ตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีของ STARK ก็ได้เร่งดำเนินการทางคดีอาญาอย่างเต็มที่ ได้เร่งอายัดเงินในบัญชีธนาคารของบุคคลที่อยู่ในข่ายตกเป็นผู้ต้องหาของคดีไปแล้วเบื้องจำนวน 3 ราย มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท หลังพบหลักฐานที่เชื่อได้ว่าเป็นเงินที่มาจากการทำผิดในครั้งนี้”
พ.ต.ต. ยุทธนา กล่าวต่อถึงการทำงานในการสอบสวนคดี STARK ว่า ถือว่ามีความซับซ้อนในการวางแผนการกระทำผิดในคดีนี้ ทั้งในเรื่องของการตกแต่งตัวเลขทางบัญชีและงบการเงิน รวมถึงยังมีความยากในการติดตามเงินหรือทรัพย์สินที่มีการทุจริตนำออกไปจากบริษัท
“แต่เรื่องการรวบรวมพยานหลักฐานที่จะสามารถเอาผิดหรือดำเนินคดีกับผู้ทำความผิดถือว่าไม่ถึงกับยากมาก แต่ต้องใช้เวลาเพื่อรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่ม”