หากเปิดหน้ากระดานนาฬิกาที่มาก่อนกาล OMEGA Seamaster คือหนึ่งในคอลเล็กชันที่อยู่ในรายชื่อได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะถ้าสืบค้นประวัติศาสตร์เชิงลึกจะพบว่าเรื่องราวของ Seamaster มีมาก่อนการถือกำเนิดของตัวเรือนเวลาเสียอีก
ย้อนไป ณ เวลานั้น ปี 1932 คือวันเวลาที่ OMEGA ประสบความสำเร็จกับ OMEGA Marine นาฬิกาดำน้ำเชิงพาณิชย์รุ่นแรกของโลก ที่เปิดจำหน่ายให้แก่นักดำน้ำพลเรือน และยังเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของเทคโนโลยีกันน้ำที่สามารถกันน้ำได้สูงสุดถึง 135 เมตร ระหว่างการทดสอบความดันภายในห้องปฏิบัติการสำหรับวิจัยการผลิตเครื่องบอกเวลาที่เมืองเนอชาแตล (Neuchâtel) นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินหน้าพัฒนานาฬิกาสำหรับใต้น้ำ
ในเวลาต่อมา OMEGA ผ่านบทพิสูจน์ท่ามกลางสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้อยู่บนข้อมือของเหล่าบรรดานักบิน พลนำร่อง และทหารแห่งกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร เพื่อไปรับใช้ชาติ และผ่านการทดสอบถึงความทรหดอดทนต่อสภาพแวดล้อมอันหฤโหด จนกระทรวงกลาโหมของอังกฤษได้สลักข้อความ W.W.W (Waterproof Wrist Watch) บนฝาหลัง เพื่อเป็นการยกย่องในประสิทธิภาพการอยู่ใต้ผิวน้ำของเรือนเวลาดังกล่าว
กระทั่งปี 1948 การรังสรรค์ Seamaster รุ่นแรกจึงถือกำเนิดขึ้น ตรงกับปีที่ 100 ของ OMEGA พอดี โดย Seamaster คือการหลอมรวมที่สง่างามของเมือง ทะเล และชนบท มีสัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นคือตราม้าน้ำ ซึ่งบ่งบอกถึงขีดความสามารถของการเป็นนักสำรวจใต้พื้นผิวมหาสมุทร และยังสื่อถึงบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์อีกด้วย Seamaster ท้าทายความสามารถด้วยการพัฒนานวัตกรรมที่ไม่หยุดหย่อนมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเป็นที่ประจักษ์ด้านความน่าเชื่อถือและคุณสมบัติการกันน้ำอันเป็นเลิศในปัจจุบัน โดยได้รับการรับรองจากโรงทดสอบระดับชั้นนำในอุตสาหกรรมของแบรนด์ และเป็นไปตามมาตรฐานการรับรองที่กำหนดโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งสมาพันธรัฐสวิส (METAS)
บัดนี้เป็นเวลาครบรอบ 75 ปีของคอลเล็กชัน Seamaster เจ้าตำนานมหาสมุทรที่ OMEGA สุดภูมิใจ เราจึงขอพาคุณดำใต้สมุทรลงไปสำรวจ 7 สิ่งที่เป็นไอคอนิกของ OMEGA Seamaster ที่ครองใจสาวกทั่วโลก จนนำมาสู่คอลเล็กชัน 11 รุ่น Summer Blue ที่เฉลิมฉลองให้กับการเป็นนักสำรวจใต้ท้องทะเลของ Seamaster
-
Summer Blue Color
สีซิกเนเจอร์ที่สร้างตำนานให้ OMEGA Seamaster เป็นนาฬิกาแห่งมหาสมุทรได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งในเชิงการสำรวจและอนุรักษ์ การไล่เฉดของ Summer Blue ชวนให้ระลึกถึงมหาสมุทรที่ทอดไกลในวันไร้คลื่นลม ความงดงามระยิบตาดังกล่าวได้ถูกนำมาตั้งต้นเป็นพื้นฐานของหน้าปัดทุกแบบทั้ง 11 รุ่น ในวาระเฉลิมฉลอง 75 ปี Seamaster นี้ กรรมวิธีอันละเมียดละไมปล่อยไหลไปแบบอิสระตามธรรมชาติของสายน้ำได้ให้ผลลัพธ์ราวกับว่ามีมิติความลึกอยู่จริงบนเรือนเวลา
-
Aqua Terra
Aqua Terra คำที่สื่อถึงบริเวณผิวน้ำที่แสงแดดส่องถึง ปรากฏนามครั้งแรกเมื่อปี 2002 ในฐานะหนึ่งในรุ่นที่สร้างมาเพื่อคารวะตระกูล Seamaster เป็นนาฬิกาที่เกิดมาในช่วงยุค Y2K ที่เป็นแนวหัวก้าวหน้า ฉีกจากซีรีส์อื่นๆ ในตระกูล Seamaster ในเวลานั้น โดยออกแบบมาให้ผสานความลงตัวของชีวิตเมืองและไลฟ์สไตล์ที่สัมพันธ์กับท้องทะเล และยังคงได้รับแรงบันดาลใจจากท้องทะเลมาใช้ในการออกแบบ สังเกตได้จากลวดลายพื้นไม้สักที่ชวนให้นึกถึงดาดฟ้าเรือใบหรู หรือหลักชั่วโมงทรงลำเรือใบ จึงเป็นนาฬิกาที่โดดเด่นในเชิงดีไซน์ดูดีมีระดับ
Aqua Terra ผจญภัยใต้น้ำได้ลึกถึง 150 เมตร ปัจจุบันประกอบไปด้วยนาฬิกา 3 รุ่นใหม่ ใช้ตัวเรือนแบบสมมาตรและเม็ดมะยมสเตนเลสสตีล มีหน้าปัดซันบรัชสี Summer Blue แบบไล่เฉด ก่อนที่จะเติมเต็มด้วยชุดเข็มและหลักชั่วโมงชุบโรเดียมบรรจุสารเรืองแสง Super-LumiNova ที่มอบแสงสีน้ำเงินอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์ โดยมีรุ่นที่เป็นพระเอกคือ Aqua Terra Worldtimer กลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer 8938 ที่ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์มาสร้างสรรค์หน้าปัดที่มีผิวสัมผัสและเฉดสีแบบพิเศษ เผยให้เห็นมหาสมุทรสีน้ำเงินและผืนทวีปนูนต่ำ บอกเวลาแบบ 24 ชั่วโมง เมื่อมองบนข้อมือจะรู้สึกเหมือนมีมหาสมุทรของตนเอง
-
Seamaster 300
ตำนานแห่งท้องทะเลที่สร้างความภูมิใจให้กับ OMEGA ในฐานะเรือนเวลาชาญสมุทรที่มืออาชีพต่างหมายปอง จนกลายเป็นไอคอนิกของ Seamaster ไปโดยปริยาย Seamaster 300 เปิดตัวเมื่อปี 1957 ในห้วงเวลาที่เต็มไปด้วยพลวัตทศวรรษแห่งความเบิกบานและการสำรวจ มาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำขั้นเทพที่ 300 เมตร ยืนยันด้วยดาว Naiad ที่ประดับไว้ด้านในตราบนเม็ดมะยม ไม่ว่าจะพัฒนามากี่รุ่นต่อกี่รุ่น จิตวิญญาณของ Seamaster 300 ก็ยังดำรงอยู่ให้สาวกได้ภาคภูมิ โดยเป็นกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer Calibre 8912 ที่ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐานระดับสูงสุดในอุตสาหกรรมโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งสมาพันธรัฐสวิส (METAS) ส่วนสี Summer Blue ได้เข้ามามีบทบาทบนหน้าปัดเคลือบเงาที่สะท้อนถึงระดับความลึกของน้ำ และสมรรถนะความทนทาน เข็มชุบโรเดียม หลักชั่วโมงแบบร่อง และตัวเลขบรรจุด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova ให้แสงสีน้ำเงินอ่อนที่สง่างามและมีเอกลักษณ์
-
Diver 300M
สัญลักษณ์แห่งห้วงสมุทรคือนิยามของ Seamaster Diver 300M นาฬิกาที่เปิดตัวในปี 1993 มีความโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์อยู่ที่สเกลดำน้ำ ชุดเข็มแบบฉลุ หลักชั่วโมงยกนูน และฮีเลียมวาล์ว เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะเป็นคู่หูของเหล่านักผจญภัยใต้สมุทรลึกใช้จับเวลาเมื่อพวกเขาดำดิ่งอยู่ใต้ผืนน้ำ จึงเป็นอีกหนึ่งรุ่นคลาสสิกประจำตระกูล Seamaster ที่หลายคนอยากครอบครอง สำหรับคอลเล็กชันเพื่อเถลิงความยอดเยี่ยมของ Seamaster จะทำงานด้วยกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer 8800 หน้าปัดของนาฬิกา Diver 300M ได้ถูกรังสรรค์จากเซรามิกลวดลายคลื่นผสานเข้ากับสี Summer Blue เคลือบเงา เพื่อสะท้อนถึงระดับการกันน้ำ และยังคงสืบทอดความเป็น Diver 300M ด้วยสเกลดำน้ำจากอีนาเมลสี Summer Blue ชุดเข็มฉลุชุบโรเดียมและหลักชั่วโมงยกนูนบรจุด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova สีน้ำเงินอ่อนที่ไม่เหมือนใคร จึงสะกดทุกสายตาราวกับต้องมนตร์มหาสมุทร
-
Planet Ocean 600M
นาฬิการะดับไอคอนิกที่สร้างการจดจำด้วยระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial อันโด่งดังของ OMEGA ในกลไก Calibre 2500 เมื่อครั้งเผยโฉมเป็นครั้งแรกในปี 2005 โดย Planet Ocean 600M นั้นได้สืบสานมรดกของการสำรวจจักรวาลใต้สมุทรของ Seamaster ได้อย่างเต็มเปี่ยม สามารถกันน้ำได้ที่ความลึก 600 เมตร ในขณะเดียวกันก็มีความล้ำยุคทันสมัยด้วยนวัตกรรมการออกแบบและวัสดุอันก้าวหน้า เพื่อมอบเวลาที่เที่ยงตรงและคุณสมบัติต้านทานแม่เหล็กอย่างเหนือระดับให้กับนักดำน้ำและบุคคลทั่วไปที่หลงใหลนาฬิกาสไตล์นี้ สำหรับคอลเล็กชันอันควรค่าแก่การสะสมได้รังสรรค์ด้วยขุมกำลังกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer 8800 ตัวเรือนและสายนาฬิกาเป็นสเตนเลสสตีล ที่น่าจับตามองคือขอบตัวเรือนเซรามิกสีน้ำเงิน และสเกลดำน้ำสีน้ำเงินอ่อนล้อมรอบหน้าปัดเซรามิกสี Summer Blue ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีเคลือบ PVD และเคลือบเงาตกแต่งแบบไล่ระดับสี อีกทั้งยังเติมเต็มด้วยชุดเข็มบลูและหลักชั่วโมงที่บรรจุด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova ให้สมดั่งฉายานาฬิกาเจ้าสมุทร
-
Ploprof
Ploprof หรือ Plongeur Professionnel ที่แปลว่า นักดำน้ำระดับอาชีพ ในภาษาฝรั่งเศส คือสมญานามของนาฬิกาข้อมือ Seamaster Professional 600 ที่มีชื่อเสียงด้านความแข็งแกร่ง อดทนต่อสภาวะแรงดันใต้น้ำ ณ ตอนที่เปิดตัวเมื่อปี 1970 Ploprof ได้ชื่อว่าเป็นนาฬิกาข้อมือดำน้ำลึกที่ทนทายาดและโดดเด่นที่สุดเท่าที่ OMEGA เคยมีมา โดยเฉพาะกรรมวิธีอันชาญฉลาด ติดตั้งกระจกนาฬิกาเข้ากับตัวเรือนแบบโมโนบล็อกอันทนทาน ทำให้ไม่ต้องติดตั้งฮีเลียมวาล์ว จึงเป็นยอดปรารถนาของมนุษย์ดำน้ำอย่างไม่ต้องสงสัย มี Testimonial คนสำคัญคือนักสำรวจมหาสมุทร ฌาคส์ กุสโต (Jacques Cousteau) และบริษัทวิจัยใต้น้ำ COMEX ต่างใช้งานนาฬิกา Ploprof ระหว่างการทดลองใต้ทะเลตั้งแต่ช่วงแรกที่นาฬิกาเผยโฉม
สำหรับรุ่นคอลเล็กชันที่ระลึกเป็นกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer 8912 ผลิตจากวัสดุ O-MEGASTEEL หน้าปัดซันบรัชสี Summer Blue ขอบตัวเรือนผลิตจากคริสตัลแซฟไฟร์ที่ถอดแบบมาจาก Ploprof ในยุคแรกๆ และยังคงมีตัวเรือนโมโนบล็อกอันเป็นไอคอนิก รวมถึงเม็ดมะยมขันเกลียวและระบบป้องกันปุ่มกดที่เป็นเอกลักษณ์ ณ ตำแหน่ง 2 นาฬิกา
-
Ultra Deep
ไอคอนิกลำดับที่ 7 ที่ต้องกล่าวถึงคือ Ultra Deep หรือ Planet Ocean Ultra Deep ผลผลิตของตระกูล Seamaster ที่ถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ Guinness World Records จากการดำดิ่งไปยังร่องลึกใต้ทะเลแถบมาเรียนา พื้นที่ที่ลึกที่สุดในโลกเมื่อปี 2019 สะเทือนวงการเรือนเวลาดำน้ำลึกเชิงพาณิชย์ และเป็นต้นแบบของ Ultra Deep นาฬิกากันน้ำระดับเทพของค่าย OMEGA ในเวลาต่อมา ที่น่าสนใจคือทุกการพัฒนาของ Ultra Deep มาจากการดำดิ่งลงไปทดสอบจริงใต้น้ำทั้งสิ้น ทำให้โลกรู้ว่า Ultra Deep สามารถกันน้ำได้ถึง 6,000 เมตร (20,000 ฟุต) และผ่านข้อกำหนดของ ISO 6425:2018 ที่เป็นมาตรฐานของนาฬิกาสำหรับการดำน้ำแบบอิ่มตัว เช่นเดียวกับได้รับการรับรองจากสถาบันมาตรวิทยาแห่งสมาพันธรัฐสวิส (METAS) และสำหรับผู้ที่หลงใหลความเป็นที่สุด Ultra Deep ได้ถูกรังสรรค์จากวัสดุสุดแข็งแกร่งอย่าง O-MEGASTEEL มีหน้าปัดพร้อมลวดลายแบบพิเศษที่น้อมคารวะให้กับปริศนาแห่งห้วงสมุทรอย่าง Challenger Deep ตามแผนที่ที่ทางทีม Five Deeps สร้างขึ้นจากการกำหนดพิกัดโซนาร์เกือบ 1 ล้านจุด แล็กเกอร์ถูกเคลือบด้วยการปล่อยให้ไหลอาบไปจนทั่วหน้าปัดสี Summer Blue ที่ไล่เฉดไปสู่ความมืดมิดอนันตกาลในห้วงความลึกที่ดวงตะวันส่องไม่ถึง ซึ่งช่วยมอบสัมผัสแห่งความลึกได้อย่างวิจิตร และมีรายละเอียดพิเศษอย่าง OMEGA WAS HERE ที่ชี้ไปยังตัวเลขระดับความลึกที่ทำลายสถิติโลก 10,935 เมตร ซึ่งจะเผยให้เห็นข้อความบนหน้าปัดยามเมื่อต้องแสง UV
นอกจากไอคอนิกทั้งเจ็ดที่กล่าวข้างต้น คอลเล็กชันรำลึกวาระครบรอบ 75 ปี ยังเก็บรายละเอียดจิตวิญญาณแห่งท้องทะเลที่หลอมรวมเป็น Seamaster ไว้ได้ครบทุกกระเบียดนิ้ว ที่อดกล่าวถึงไม่ได้คือฝาหลังที่ระลึกรูปม้าน้ำอันเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ซึ่งเกิดขึ้นช่วงทศวรรษที่ 50 โดยนักออกแบบ ฌอง-ปิแอร์ บอร์ล (Jean-Pierre Borle) ได้แรงบันดาลใจในการดีไซน์ตราสัญลักษณ์นี้จากรูปปั้นม้าน้ำของเทพเนปจูน ที่ประดับอยู่บนกราบเรือสองข้างของเรือกอนโดลาสุดโด่งดังประจำเมืองเวนิส Seamaster จึงถูกขับขานผ่านตรารูปเทพโพไซดอนถือตรีศูลพร้อมม้าน้ำสองตัวนับตั้งแต่นั้นมา
รบกวนกราฟฟิกทำเป็นรูปเดียวค่ะ
และเพื่อให้สาวกได้ดื่มด่ำกับ Seamaster ให้ลึกสุดใจ OMEGA ได้ผลิตเครื่องประดับที่มีสี Summer Blue เข้าไปมีส่วนร่วมออกมาอีกหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นพวงกุญแจลายคลื่นลม สร้อยข้อมือเซลิ่งในโทนสีน้ำเงิน คัฟลิงค์ตราม้าน้ำ และสายรัดข้อมือสีน้ำเงินที่ประดับด้วยสามง่ามของโพไซดอนจากสเตนเลสสตีลอันหรูหรามีระดับ
ทั้งหมดนี้คือการรวมตัวแบบเฉพาะกิจเพื่อเฉลิมฉลองแด่ Seamaster เจ้าแห่งเรือนเวลากันน้ำแห่งความภาคภูมิใจของ OMEGA
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรือนเวลา OMEGA ได้ที่
สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี โทร. 0 2160 5959
สาขาสยามพารากอน โทร. 0 2129 4878
สาขาเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า โทร. 0 7651 0818
LINE OA: @OMEGAThailand
หรือคลิก: Seamaster Collection in Summer Blue: Precision at Every Level. (omegawatches.com)
อ้างอิง: