×

หุ้นกลุ่มพาณิชย์ – ยอดขายมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้ชะลอตัวลง

29.06.2023
  • LOADING...
หุ้นกลุ่มพาณิชย์

เกิดอะไรขึ้น:

 

ใน 2Q66TD ยอดขายสาขา (SSS) ของกลุ่มพาณิชย์ (BJC, CPALL, CPAXT, CRC, GLOBAL และ HMPRO) มีแนวโน้มเติบโต 4%YoY ใน 2Q66TD (เทียบกับ 8.8%YoY ใน 2Q65 และ 5.2%YoY ใน 1Q66) แม้ว่าจะเทียบกับฐานปกติของปีที่ผ่านมาและไม่มีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ‘ช้อปดีมีคืน’ เหมือนในช่วงวันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ (ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 40,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ) 

 

โดยได้รับการสนับสนุนจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้เกษตรกรและนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และฝนที่ตกน้อย รวมทั้งอากาศที่ร้อนกว่าปกติ ซึ่งช่วยหนุนให้ยอดขายเครื่องดื่มและเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 

 

เมื่อแยกตามบริษัทใน 2Q66TD CPALL มีแนวโน้มที่จะรายงาน SSS เติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ในอัตราเลขหลักเดียวระดับสูง YoY ตามด้วย CPAXT (ตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY สำหรับธุรกิจ B2B และตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY สำหรับธุรกิจ B2C), HMPRO (ตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY)

 

CRC (ตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY โดยการเติบโตของยอดขายในประเทศไทยและอิตาลีถูกลดทอนลงบางส่วน โดยยอดขายที่หดตัวลงในเวียดนามซึ่งคิดเป็น 24% ของยอดขายจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว) และ BJC (ตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำถึงกลาง YoY) ในขณะที่ GLOBAL มีแนวโน้มที่จะรายงาน SSS หดตัวลงในอัตราเลขหลักเดียวระดับกลางถึงสูง YoY จากราคาเหล็กที่ลดลง

 

อย่างไรก็ดี คาดว่า SSS ของกลุ่มพาณิชย์จะเติบโต YoY ต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และผลกระทบเชิงบวกต่อยอดขายจากฝนที่ตกน้อยกว่าปกติและอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติในเดือนมิถุนายน-สิงหาคม แต่คาดว่า SSS จะเติบโตในอัตราชะลอตัวลง เพราะความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบจากภาวะสุญญากาศทางการเมืองเป็นเวลานาน เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ต้องใช้เวลาและกำลังซื้อมีแนวโน้มที่จะอ่อนแอลง สอดคล้องกับรายได้เกษตรกรที่มีแนวโน้มเติบโตในอัตราชะลอตัวลง เนื่องจากสภาวะเอลนีโญจะเริ่มเกิดขึ้นใน 2H23 

 

โดยข้อมูลของ NOAA หลังจากสังเกตเห็นสภาวะเอลนีโญกำลังอ่อนในเดือนพฤษภาคม คาดว่าเอลนีโญจะค่อยๆ มีกำลังแรงขึ้นในช่วงปลายปี 2566 ถึงต้นปี 2567 โดยความน่าจะเป็นที่จะเกิดเอลนีโญมีมากกว่า 90% ตลอดระยะเวลาดังกล่าว 

 

เมื่อนำข้อมูลนี้มาประกอบการพิจารณาในปี 2566 SCB EIC คาดว่ารายได้เกษตรกรในประเทศไทยจะเติบโต 0.6%YoY (เทียบกับ 6.2%YoY ใน 4M66) โดยผลผลิตสินค้าเกษตรจะเพิ่มขึ้น 1.6% (เทียบกับ 8.9%YoY ใน 4M66) และราคาจะลดลง 1.5% (เทียบกับลดลง 2.9%YoY ใน 4M66) ซึ่งบ่งชี้ว่า รายได้เกษตรกรมีแนวโน้มที่จะเติบโตในอัตราชะลอตัวลงในช่วงที่เหลือของปี 2566 เริ่มตั้งแต่ฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปี มันสำปะหลัง และอ้อย ที่กำลังจะมาถึงในช่วงปลายปีนี้

 

ด้านผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาล เมื่อพิจารณาจากนโยบายค่าแรงและค่าไฟฟ้าตามที่พรรคก้าวไกลซึ่งเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งสัญญาไว้ประเมินได้ว่า ผลกระทบโดยรวมต่อกำไรของกลุ่มพาณิชย์จะเป็นกลาง เนื่องจากกำไรที่จะลดลง 6% จากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ (เพิ่มขึ้น 30%) จะถูกชดเชยโดยกำไรที่จะเพิ่มขึ้น 6% จากการลดค่าไฟฟ้า (ลดลง 15%) 

 

สำหรับนโยบายหวยใบเสร็จตามที่พรรคก้าวไกลเสนอไว้นั้นประเมินได้ว่า ผลกระทบต่อกลุ่มพาณิชย์จะคล้ายกับที่เห็นได้จากมาตรการคนละครึ่งในปี 2563-2565 ซึ่งผู้ประกอบการร้านค้าปลีกสมัยใหม่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมโครงการนี้ ในตอนนั้น ซึ่งสังเกตเห็นผลกระทบเชิงบวกเล็กน้อยต่อยอดขายกลุ่มธุรกิจ B2B (CPAXT) ผลกระทบเชิงลบเล็กน้อยต่อยอดขายกลุ่มสินค้าจำเป็น และผลกระทบที่เป็นกลางต่อยอดขายกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ในขณะที่จะต้องติดตามประเด็นการยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมต่อไป

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มพาณิชย์ (SETCOMM) ปรับลดลง 7.22%MoM ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 3.45%MoM 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:

 

ในปี 2566 คาดว่ากำไรปกติของกลุ่มพาณิชย์จะเติบโต 20%YoY โดยใช้สมมติฐานว่ายอดขายสาขา (SSS) เติบโต 2.7%YoY การขยายสาขา (จำนวนสาขาใหม่จะเพิ่มขึ้น 5.7%) และ EBIT Margin เพิ่มขึ้น 10bpsYoY จากการมีสัดส่วนการขายที่ดีขึ้น อันเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้น และการควบคุมอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขายได้ดีขึ้น เพราะยอดขายดีขึ้นและต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลงในเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม (ลดลง 12% จากเดือนมกราคม-เมษายน 2566 แต่ยังเพิ่มขึ้น 16%YoY)

 

สำหรับหุ้นเด่นกลุ่มพาณิชย์ InnovestX Research ชอบ HMPRO เนื่องจากมีความเสี่ยง Downside ต่อนโยบายรัฐบาลใหม่ค่อนข้างจำกัด โดยกำไรจะเติบโต 14% ในปี 2566 จากยอดขายที่ดีขึ้นและมาร์จิ้นที่ปรับตัวดีขึ้น โดยกำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ ตั้งแต่ 1Q66-4Q66 จากปัจจัยฤดูกาล 

 

นอกจากนี้ยังชอบ CPALL และ CPAXT เนื่องจากกำไรปี 2566 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ฟื้นตัว โดยกำไร 2H66 จะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายจะลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้ที่มีต้นทุนสูงเสร็จในเดือนเมษายน 

 

ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือการเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายรัฐบาลใหม่

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X