ราคา BTC ทรงตัวเหนือ 30,000 ดอลลาร์เป็นวันที่หกติดต่อกัน และยังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ในประเทศอาร์เจนตินา เวเนซุเอลา และเลบานอน ปัจจัยอะไรกันแน่ที่ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
บิทคอยน์แตะระดับ All Time High ใน 3 ประเทศ
ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นแตะ 31,400 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 มิถุนายน) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหนึ่งปี ราคา BTC ยังทรงตัวเหนือกว่า 30,000 ดอลลาร์เป็นวันที่หกติดต่อกัน และให้ผลตอบแทนมากกว่า 40% ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา และปรับตัวขึ้นกว่า 15% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในประเทศอาร์เจนตินา เวเนซุเอลา และเลบานอน บิทคอยน์ทำสถิติครั้งใหม่ โดยราคา BTC แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) เมื่อเทียบกับสกุลเงินท้องถิ่นของประเทศดังกล่าว ปัจจัยที่ทำให้ราคาบิทคอยน์พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในสามประเทศนี้มาจากเงินเฟ้อ และนโยบายทางเศรษฐกิจที่กำลังบั่นทอนกำลังการซื้ออย่างมหาศาล
สำหรับประเทศตุรกี ราคาบิทคอยน์ซื้อขายใกล้จุดสูงสุดของปี 2021 และมีโอกาสเป็นประเทศที่ 4 ที่ราคา BTC แตะระดับสูงสุดตลอดกาล หากสกุลเงินท้องถิ่นอย่างลีราตุรกียังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยอะไรที่ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ปัจจัยที่ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เริ่มมาจากการที่บริษัทจัดการกองทุนยักษ์ใหญ่ระดับโลก BlackRock ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์ ได้ยื่นขอจัดตั้งกองทุน Bitcoin ETF ตามด้วยสถาบันการเงินอื่นๆ เช่น Citadel Securities, Fidelity Investments และ Charles Schwab ที่เริ่มเข้าสู่อุตสาหกรรมคริปโตตามมา
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การที่ BlackRock เข้าสู่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี อาจทำให้อุตสาหกรรมคริปโตเติบโตขึ้นกว่า 15 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากการลงทุนของสถาบันการเงินขนาดใหญ่จะทำให้นักลงทุนรายย่อยที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในตลาดนี้มีความเชื่อมั่นในตลาดคริปโตแห่งนี้มากขึ้น
นอกเหนือจากยักษ์ใหญ่ด้านการเงินที่กล่าวมาข้างต้น สถาบันการเงินขนาดใหญ่ เช่น Morgan Stanley และ Goldman Sachs ก็เปิดให้ลูกค้าลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลด้วย
อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ราคาบิทคอยน์เพิ่มขึ้น อาจมาจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อบิทคอยน์ในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง เนื่องมาจากความไม่แน่นอนในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการล้มละลายของ Silicon Valley Bank โอกาสผิดชำระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในเดือนที่ผ่านมา และสงครามในรัสเซีย-ยูเครน ทำให้นักลงทุนมองว่า BTC เป็นสินทรัพย์ที่หลบภัยตัวใหม่ (Safe Haven)
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงมีความอ่อนไหวเกี่ยวกับการถูกตรวจสอบด้านกฎระเบียบจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐอเมริกาที่ฟ้องร้องเว็บเทรดชั้นนำ เช่น Coinbase และ Binance ตราบใดที่กฎระเบียบของสหรัฐฯ ยังไม่ชัดเจน สิ่งนี้อาจเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดคริปโตในอนาคตข้างหน้า
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: