วันนี้ (30 พฤษภาคม) พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการพิจารณาเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ว่าเรื่องดังกล่าวยังไม่มีการพูดคุยกันในระดับของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และไม่มีการตั้งวอร์รูมเพื่อพิจารณาใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนกรณีที่มีกระแสสังคมกดดันการตัดสินใจของ ส.ว. นั้น ตนยังไม่เคยได้ยิน และเชื่อมั่นว่า ส.ว. จะปฏิบัติหน้าที่บนความตั้งใจทำสิ่งที่ดี ไม่หวาดกลัว ขณะเดียวกันตนไม่เคยได้รับการติดต่อจากทีมของพรรคก้าวไกลที่เจรจาเรื่องโหวตนายกฯ
“ส.ว. ก็ยังไม่ได้พูดจาอะไรกันมาก เพราะมีการเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญไปครั้งเดียว ทั้งนี้ ส.ว. ทุกคนมีวุฒิภาวะ มีความรู้ ความตั้งใจทำงาน เพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติ ซึ่งแต่ละคนทราบดีว่าควรเป็นอย่างไร โดยแต่ละคนมีความคิดของตนเอง และมีความเป็นอิสระ ซึ่งความเป็นอิสระนั้นไม่ได้หมายความว่าตามอำเภอใจ แต่ต้องคิดถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ทั้งนี้ ผมไม่เคยให้แนวทาง หรือชี้นำการตัดสินใจของ ส.ว.” พรเพชรกล่าว
พรเพชรยังได้กล่าวถึงกรณีการเลือกประธานสภา ที่ปรากฏความขัดแย้งระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ว่าตนไม่สามารถพูดได้ว่าอยากจะได้ใคร หรือใครดี ไม่ดี แต่ตนเชื่อมั่นว่าจะทำงานร่วมกันได้ ไม่ว่าเป็นใคร แต่ตนสามารถทำงานให้กับทุกท่านหากได้รับการคัดเลือกมา โดยขั้นตอน ผู้ถูกเลือกต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง กรณี ส.ว. ถูกออกหมายเรียกในคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด คือ อุปกิต ปาจรียางกูร และกรณีใช้อิทธิพลข่มขู่ คือ กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ จะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และผิดจริยธรรม ส.ว. หรือไม่ พรเพชรกล่าวว่า ขอไม่ตอบคำถาม ซึ่งการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องทำ ส่วนในแง่จริยธรรม หากมีพฤติกรรมที่ชี้มูลความผิดต้องเข้าสู่การพิจารณาจริยธรรม การตรวจสอบจริยธรรมของ ส.ว.นั้น ไม่เกี่ยวว่าต้องมีคนร้องหรือไม่ เพราะต้องดูข้อเท็จจริงก่อน
