×

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผย ค่าเงินบาทผันผวนสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย คาดระยะสั้นยังมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ 2 ทิศทางจาก 3 ปัจจัยสำคัญ

26.05.2023
  • LOADING...
ค่าเงินบาท ผันผวน

KResearch เผยค่าเงินบาทผันผวนสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย เป็นรองแค่เงินเยนของญี่ปุ่น คาดในระยะสั้นยังมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ 2 ทิศทางจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ และการเมืองในประเทศ เตือนผู้ประกอบการดูแลความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกบทวิเคราะห์ระบุว่า นับจากช่วงต้นปี 2566 เงินบาทได้แกว่งตัวในกรอบกว้างท่ามกลางความไม่แน่นอนของ 3 เรื่องหลัก ได้แก่ มุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ย Fed, สถานการณ์ค่าเงินหยวนและเศรษฐกิจจีน และปัจจัยการเมืองของไทยที่เป็นประเด็นเพิ่มเติมเข้ามาล่าสุด โดยแม้การเคลื่อนไหวของเงินบาทจะเคลื่อนไหวเกาะกลุ่มกับสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย แต่หากมองในมิติของความผันผวน เงินบาทในปีนี้มีความผันผวนค่อนข้างมาก และเป็นสกุลเงินที่มีค่าความผันผวนสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย

  

บทวิเคราะห์ระบุว่า ในช่วงต้นปี 2566 เงินบาทมีทิศทางแข็งค่าสวนทางกับเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง เนื่องจากตลาดการเงินเทน้ำหนักไปที่แนวโน้มการชะลอตัวของเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐฯ และคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ใกล้แตะจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่การเริ่มทยอยเปิดประเทศของจีนก็มีผลหนุนค่าเงินหยวนและทำให้เงินบาทแข็งค่าตามไปด้วยเช่นเดียวกัน 

 

อย่างไรก็ดี สถานการณ์เงินบาทและทิศทางเงินทุนต่างชาติปรับเปลี่ยนไปอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม โดยนักลงทุนต่างชาติทยอยลดพอร์ตการลงทุนในตลาดการเงินไทยลง (ภาพรวมระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 25 พฤษภาคม 2566 ต่างชาติมียอดขายสุทธิหุ้นไทยสะสมประมาณ 89,144 ล้านบาท และมีสถานะไหลออกจากตลาดพันธบัตร 43,085 ล้านบาท) ขณะที่เงินบาทเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าต่อเนื่อง หลังอ่อนค่าผ่านแนว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ มาตั้งแต่ในช่วงกลางเดือนนี้ เนื่องจากตลาดมีการปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ และค่าเงินหยวน ประกอบกับมีปัจจัยทางการเมืองของไทยที่ต้องติดตามเพิ่มเติม 

 

โดยในเรื่องดอกเบี้ยสหรัฐฯ นั้น แม้ Fed จะใกล้สิ้นสุดรอบการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ข้อมูลตลาดแรงงานที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดีและความหนืดของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ก็ทำให้ Fed ยังคงส่งสัญญาณในเชิงคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งอาจลดทอนโอกาสความเป็นไปได้ของการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ ส่วนเงินหยวนก็กลับมาเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าตามจังหวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่เป็นไปอย่างช้าๆ ขณะที่ประเด็นทางการเมืองของไทยมีความไม่แน่นอนและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ยังต้องใช้เวลา  

    

ทั้งนี้ ความผันผวนของค่าเงินบาทในปี 2566 ได้เพิ่มสูงขึ้นมาก และสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยรวบรวมค่าความผันผวนของค่าเงินในปี 2566 ซึ่ง NYU ประมาณค่าขึ้น ซึ่งจากโมเดลสะท้อนว่าความผันผวนของสกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่อาจขยับเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 1 เดือนข้างหน้า โดยในส่วนของค่าความผันผวนคาดการณ์ในช่วง 1 เดือนข้างหน้าของเงินบาทอาจขยับขึ้นไปที่ 8.4% สูงขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 8.1% โดยค่าความผันผวนของเงินบาทสูงเป็นอันดับที่ 2 ของสกุลเงินในฝั่งเอเชีย ตามหลังเพียงแค่เงินเยนของญี่ปุ่นเท่านั้น 

 

แม้ว่าปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินในฝั่งเอเชียและสกุลเงินหลักมีความผันผวนจะเป็นตัวแปรที่มาจากเรื่องของค่าเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะแนวโน้มดอกเบี้ยของ Fed แต่คงต้องยอมรับว่าความผันผวนของเงินบาทในปี 2566 ที่อยู่ในกรอบสูงอาจสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ด้วยปัจจัยเฉพาะของไทย โดยเฉพาะการแกว่งตัวของเงินบาทตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก (ค่าความผันผวนของราคาทองคำอยู่ที่ 12.3%) และปัจจัยทางการเมืองในประเทศ ซึ่งยังมีประเด็นที่ต้องติดตามหลายด้านแม้ว่าการเลือกตั้งทั่วไปของไทยได้สิ้นสุดลงไปแล้ว 

 

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทนั้น คาดว่าเงินบาทจะยังคงเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบกว้าง โดยในระยะสั้นอาจปรับตัวอยู่ในช่วงประมาณ 33.80-35.40 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากมีหลายตัวแปรที่สามารถพลิกได้สองด้าน ซึ่งทำให้ยังคงมีความไม่แน่นอนและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่

 

  1. กระบวนการเจรจาเพื่อให้ได้ข้อสรุปเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ซึ่งหากสถานการณ์เป็นไปในเชิงลบก็จะเกิดความเสี่ยงต่ออันดับเครดิตของสหรัฐฯ และอาจกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง  

 

  1. ทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่ Fed อาจยังคงส่งสัญญาณในเชิงคุมเข้ม หากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ต้องใช้เวลานานในการปรับตัวกลับเข้าสู่เป้าหมาย (ซึ่งจะมีผลทำให้โอกาสที่จะเห็น Fed ปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้มีน้อยลง) 

 

  1. สถานการณ์ทางการเมืองของไทยซึ่งหากยังมีความไม่แน่นอนก็จะเป็นปัจจัยที่จำกัดกรอบการฟื้นตัวของค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน 

 

สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า อาจมีปัจจัยเพิ่มเติมจากเรื่องสถานการณ์และแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นแรงหนุนต่อภาพรวมเศรษฐกิจและดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของค่าเงินบาท  

 

ภายใต้สถานการณ์ที่มีความผันผวนสูงเช่นนี้ ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจควรที่จะเตรียมรับมือกับเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง และเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับกระแสรายรับ-รายจ่ายที่เป็นเงินตราต่างประเทศ มาปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน อาทิ สัญญา Forward ซึ่งจะมีการกำหนดสกุลเงิน จำนวนเงิน ระดับอัตราแลกเปลี่ยน และกำหนดวันส่งมอบที่แน่นอน และ/หรือบัญชีเงินฝากในรูปสกุลเงินตราต่างประเทศ FCD ซึ่งจะเหมาะกับธุรกิจที่มีทั้งขารับและจ่ายในรูปสกุลเงินตราต่างประเทศ

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising