วานนี้ (22 พฤษภาคม) รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ ถึงกรณีการจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล และการลงนามข้อตกลงร่วม หรือ MOU ของทั้ง 8 พรรคการเมือง
ตอนนี้ไม่ต้องหวังพึ่งพาเสียงจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แต่ควรพึ่งพาเสียงจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) น่าจะดีกว่า โดยเฉพาะ ส.ส. ฝ่ายค้าน เพื่อยินดีและส่งเสริมในระบอบประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม
ส่วนกรณีที่ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ถ้า ส.ส. ฝ่ายค้านต้องยกมือโหวตให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี คงทำไม่ได้ตามกระบวนการประชาธิปไตย
สุขุมตอบกลับว่า จริงๆ แล้วเคยมีเหตุการณ์ที่ ส.ส. ฝ่ายค้านยกมือโหวตนายกรัฐมนตรี คือปี 2518 ที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคกิจสังคมยกมือโหวตให้ ม.ร.ว.เสนีย์ ทั้งพรรค แต่ขอเป็นฝ่ายค้านเนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ได้เสียงข้างมากสูงสุด แม้ว่าสุดท้าย ม.ร.ว.เสนีย์จะไม่สามารถรวมกลุ่มเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ตาม
สุขุมย้ำว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพ้นจากอำนาจนอกระบบ โดยการช่วยนำทหาร และ ส.ว. ออกจากระบบไปให้ได้ เมื่อการเลือกตั้งหน้าเกิดขึ้นก็จะได้ไม่ต้องมาพะวงกันอีกว่าจะมีอำนาจทหารกลับมาหรือไม่
สุขุมอธิบายเพิ่มว่า พยายามตั้งความหวังกับ ส.ส. ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ แต่คงหวังพึ่งไม่ได้มาก เนื่องจากสัญชาตญาณนักการเมืองไทย จะทำอะไรต้องได้ประโยชน์ต่อกัน ไม่สนใจอุดมการณ์
ฉะนั้นสิ่งที่ตนเองมาเรียกร้องคือ การขออุดมการณ์ หยุดความเป็นฝ่ายตรงข้ามได้หรือไม่ เพื่อระบอบประชาธิปไตย ทำไมถึงยอมพวกเดียวกันไม่ได้ แต่กลับยอมให้ฝั่งทหารได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก่อตั้งมาเพื่อต่อต้านเผด็จการทหาร แต่ไฉนกลับทำแบบนั้น
จากนั้นสุขุมมองถึงการลงนามข้อตกลงร่วม หรือ MOU ของทั้ง 8 พรรคการเมืองว่า พรรคก้าวไกลชัดเจนในการรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เสมือนการโยนหินถามทางไปก่อนหน้านั้นกับพรรคที่จะร่วมรัฐบาล ทำให้วาระ MOU อ่อนลง และกล้าเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสม ซึ่งเชื่อว่า MOU ดังกล่าวสามารถไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลได้
“บางคนบอกว่าไม่เอาแบบนี้หรอก เคยพูดอย่างไรต้องทำอย่างนั้น คุณบ้าเหรอ ดังนั้น วันนี้เมื่อก้าวไกลลงสนามเลือกตั้งก็ต้องไปสู่อีกระดับหนึ่งเพื่อชนะการเลือกตั้ง เขา (พรรคก้าวไกล) จะผลักนาวา หรือรัฐบาลให้ไปข้างหน้าก็ต้องทำอีกแนวหนึ่ง ซึ่งพรรคก้าวไกลก็ใช้คำวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน และทำให้ MOU อ่อนลงเพื่อให้เข้ากับทุกฝ่าย” สุขุมขยายความ
ทั้งนี้ สุขุมยังเชื่อว่าจะมี ส.ว. บางส่วนจะโหวตเลือกพิธาให้เป็นนายกฯ แต่คงไม่ใช่ส่วนใหญ่ เพราะจิตใจมั่นคง จุดยืนเหมือนเดิม และไม่หวั่นต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้ไปตอบแทนบุญคุณ ความกตัญญูต่อกลุ่มที่เคยให้ ส.ว. มาทำหน้าที่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอาจจะเหมาะสมกว่า
ส่วนกระแสข่าวที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะลาออก แล้วมีลูกพรรคบางส่วนย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยเพื่อจัดตั้งรัฐบาล สุขุมระบุว่า ไม่มีทางเกิดขึ้น เนื่องจากพรรคเพื่อไทยต้องเป็นอันดับ 1 แต่พอเป็นอันดับ 2 แล้วยังคิดจะทำ ก็เสมือนเป็นการหักหลังพรรคก้าวไกล และอาจโดนประชาชนออกมาขับไล่ทันที