วันนี้ (22 พฤษภาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดเงิน-ตลาดทุนในประเทศช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีความผันผวนจากผลกระทบของภาวะตลาดต่างประเทศ ประกอบกับในประเทศก็อยู่ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
นายกฯ มองว่า ความผันผวนในตลาดเงิน-ตลาดทุนระยะนี้จะเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเพียงระยะสั้น อยากให้นักลงทุนมองประเทศไทยจากศักยภาพที่แท้จริง ซึ่งปัจจุบันพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง มีภูมิประเทศที่เอื้อต่อการลงทุนเพื่อผลิตสินค้าส่งออกไปยังประเทศในอาเซียนและทั่วโลก ขณะที่สำนักงาน BOI สำนักงาน EEC ก็มีมาตรการส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนที่จูงใจอย่างมาก
“แม้ในระยะสั้นตลาดเงิน-ตลาดทุนจะเกิดความผันผวนบ้าง แต่นายกฯ ยังมั่นใจในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง ขณะที่ภาคเศรษฐกิจจริงอย่างการท่องเที่ยวตอนนี้ฟื้นตัวดีมาก การลงทุน เอกชนเองมีมาตรการส่งเสริมต่างๆ จากทั้ง BOI และ EEC ก็พร้อม เดินหน้าลงทุนได้ทันที ไม่ต้องรอว่าจะเป็นรัฐบาลไหน ซึ่งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศกำลังบีบให้นักลงทุนหาพื้นที่ลงทุนใหม่ๆ และไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางที่นักลงทุนจากทั่วโลกให้ความสนใจเลือกลงทุน” ไตรศุลีกล่าว
ไตรศุลีกล่าวต่อว่า นายกฯ เน้นย้ำว่ารัฐบาลรักษาการชุดปัจจุบันจะปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมายให้ดีที่สุด โดยเฉพาะการดำเนินการเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นของทั้งประชาชนและนักลงทุน โดยนายกฯ ได้กำชับส่วนราชการและหน่วยรับงบประมาณทุกแห่งให้เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2566 ที่ได้รับอนุมัติไปแล้วให้เป็นไปตามเป้าหมายที่เฉลี่ยร้อยละ 93 โดยสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางมีการติดตามการเบิกจ่ายอย่างใกล้ชิด ให้หน่วยงานดำเนินการตามมาตรการเร่งรัดที่เคยผ่านการเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
ตามการรายงานของกรมบัญชีกลาง ระบุว่า ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท ส่วนราชการและหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณได้เบิกจ่ายรวมแล้ว 1.96 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อย 61.62 และเมื่อรวมกับเงินกันไว้เหลื่อมปีด้วย การเบิกจ่ายโดยรวมอยู่ที่ 2.08 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 61.63 ของวงเงินทั้งหมด 3.37 ล้านล้านบาท (เงินกันไว้เหลื่อมปีสำหรับเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2566 มีทั้งสิ้น 1.9 แสนล้านบาท)