เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 อยู่ที่ 1.47 พันล้านบาท (ลดลง 14.5%YoY แต่เพิ่มขึ้น 28%QoQ) รายได้อยู่ที่ 9.4 พันล้านบาท (ลดลง 13.3%YoY แต่เพิ่มขึ้น 6.4%QoQ) เป็นไปตามคาด โดยแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 93% คอนโด 5% และอื่นๆ 2%
คอนโดที่ AP เริ่มโอนใน 1Q66 คือ Aspire รัตนาธิเบศร์ เวสต์ตัน และโครงการพร้อมอยู่ 2 โครงการ อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นสู่ 36.6% เทียบกับ 33.3% ใน 1Q65 และ 34.9% ใน 4Q65 โดยได้รับการสนับสนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งจาก Backlog บ้านเดี่ยวที่ยกมาจากปี 2565 และการประหยัดต้นทุนจากคอนโดซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว
ส่วนแบ่งกำไรจาก JV อยู่ที่ 238 ล้านบาท (ลดลง 3.5%YoY และ 16%QoQ) โดยได้รับการสนับสนุนจากการเริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการ Rhythm เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน (มูลค่าโครงการ 4.8 พันล้านบาท ทำยอดขายได้แล้ว 71% โอนแล้ว 30% ใน 1Q66)
ด้านยอดขายในปัจจุบันคิดเป็น 24.6% ของเป้าที่วางไว้ทั้งปี ณ วันที่ 30 เมษายน AP ทำยอดขายได้แล้ว 1.42 หมื่นล้านบาท (ลดลง 11.7%YoY) คิดเป็น 24.6% ของเป้ายอดขายที่บริษัทวางไว้ในปี 2566 ที่ 5.8 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15%) โดยแบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 74% (มูลค่าลดลง 21.6%) และคอนโด 26% (มูลค่าเพิ่มขึ้น 39.4%)
กระทบอย่างไร:
วันที่ 10 พฤษภาคม ณ เวลา 12.30 น. ราคาหุ้น AP ปรับลดลง 1.64%DoD อยู่ที่ระดับ 12.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.37%DoD สู่ระดับ 1,570.51 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
ใน 2Q66 AP วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่ารวม 2.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 83% และคอนโด 17% (1 โครงการ) โดยคาดว่าจะเห็น AP ทำยอดขายได้อย่างน้อย 40% ของเป้ายอดขายที่บริษัทวางไว้ทั้งปีภายในสิ้น 1H66 ขณะที่ใน 2H66 AP วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ มูลค่า 5.18 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนให้ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน AP มี Backlog มูลค่า 3.3 หมื่นล้านบาท โดย 80% จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2566 และที่เหลือจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2567-2568 เมื่อจำแนกตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ พบว่า Backlog 50% เป็นโครงการแนวราบ 43% เป็นคอนโดร่วมทุน และ 7% เป็นคอนโดของ AP อย่างไรก็ดี ปี 2566 คาดการณ์รายได้ไว้ที่ 4.08 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6%) โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 3% สู่ระดับที่ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ 6 พันล้านบาท
ขณะที่กำไรสุทธิ 2Q66 น่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย QoQ และทรงตัว YoY เพราะไม่มีคอนโดใหม่สร้างเสร็จและไม่มีการเริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการใหม่ แต่จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ Backlog ส่วนที่เหลือของโครงการ Rhythm เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน อย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยเสี่ยงและความกังวลที่ต้องติดตาม คือ 1. การขึ้นอัตราดอกเบี้ยและแนวโน้มอัตราการปฏิเสธสินเชื่อในปี 2566 โดยต้องจับตาคุณภาพของผู้ซื้อ และ 2. การบริหารจัดการสินค้าคงเหลือจากการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมากในปี 2565 ประกอบกับการเปิดตัวโครงการใหม่หลายโครงการในปี 2566 และ 3. การแข่งขันที่สูงขึ้นจากอุปทานที่เพิ่มขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ระส่ำ! หุ้น SINGER ร่วงทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 ปี ก่อนเอ็มดีแจ้งลาออก 3 วัน ด้าน SABUY ไม่รีบซื้อเพิ่ม แม้ราคาหุ้นร่วงหนักกว่า 75%
- ผู้ถือหุ้นกู้ STARK โหวต ‘ยกเว้นเหตุผิดนัด’ รอดการถูกเรียกคืนหนี้ทันที มูลค่า 9.19 พันล้านบาท
- ตลท. ดีเดย์เริ่มใช้ระบบเทรดใหม่ 8 พ.ค. นี้ ส่งคำสั่งได้เร็วขึ้นอีก 5 เท่า พร้อมเพิ่มเครื่องหมาย Pause หุ้นรายตัว 1 วันที่ซื้อ-ขายผิดปกติ