เครื่องบินถูกสร้างมาจากคนคิดบวก ที่คิดว่าสามารถทำเรื่องที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ แต่เราจะนั่งเครื่องบินลำนั้นหรือไม่ ถ้ากัปตันประกาศว่าเครื่องบินลำนี้ไม่มีร่มชูชีพนะครับ
ใครบ้างคะ ที่แวดล้อมไปด้วยเพื่อนร่วมงานที่คิดแบบเดียวกัน ใครบ้างคะ ที่มีแต่เพื่อนร่วมงานที่คิดบวก ไม่เคยมองอะไรเป็นปัญหาและอุปสรรคเลย
อาจจะมีบางคนตอบว่า “มี” ซึ่งก็จะไม่ถามต่อว่ามีแต่คนแบบนั้นในที่ทำงานแล้วดีอย่างไร ดีกว่าการที่มีคนไม่เห็นด้วยบ้าง มีคนคิดลบบ้างอยู่ข้างๆ ตัวหรือไม่
แล้วทำไมจึงไม่ถามแบบนั้น ก็เพราะในการทำงานจริงๆ เราไม่สามารถเลือกได้ทั้งหมดว่าเราจะทำงานกับใครบ้าง เช่นเดียวกันกับที่เราเองก็ไม่สามารถเลือกได้ทั้งหมดเช่นกันว่าเราจะทำงานแค่ไหน ให้สำเร็จในระดับใด ทั้งหมดจะถูกกำหนดโดยคนที่มีอำนาจ และบทบาทหน้าที่มากกว่าเราเสมอ
แต่ใครๆ ก็อยากได้ปริมาณของคน ‘คิดบวก’ มาร่วมงานด้วยมากกว่าใช่ไหมคะ
เคยมีคนถามว่า แล้วถ้าจะหาคนคิดบวกมาทำงานด้วย เราจะเลือกอย่างไร จะพิจารณาอย่างไรว่าผู้สมัครคนนี้คิดบวกหรือเปล่า… กลัวจะได้แต่ประเภทที่เจอใครขัดใจ ก็คิดแต่จะเข้าไปบวก #ทีมนักสู้ #ทีมเสียชื่อไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ 55+
เอาล่ะค่ะ จากประสบการณ์ ถ้าเราอยากได้คนคิดบวก เราต้องทำอย่างไร ในการสรรหาคน
ลบเจอลบไม่เป็นบวก: เพราะนี่ไม่ใช่หลักคณิตศาสตร์ แต่มันคือความจริง ที่คนประเภทไหนก็จะดึงดูดคนประเภทนั้นเข้าหาตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งองค์กรต้องระมัดระวังก็คือ อย่าให้คนคิดลบไปตามหาคนคิดบวก เพราะเขาเองไม่เคยรู้ว่าการคิดบวกดีอย่างไร แล้วเขาจะให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นได้อย่างไร
คิดบวกไม่ใช่โลกสวย: คิดบวกไม่ได้แปลว่าจะต้องมองทุกอย่างว่าดี สดใส ไร้ปัญหา แต่คนคิดบวกคือคนที่สามารถทำความเข้าใจและยอมรับปัญหา พร้อมทั้งค้นคว้าหาทางแก้ไขให้อยู่เสมอ
เมื่อสามารถแยกคน 2 แบบนี้ออกจากกันได้แล้ว ในการตั้งคำถามเพื่อหาว่าคนคนนั้น เป็นคนคิดบวกหรือไม่ ก็ให้ตั้งคำถามที่เป็นการสอบถามความคิดเห็นและวิธีการทำงาน โดยยกจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ปัญหาจริง แล้วดูว่าคนคนนั้นมองมันอย่างไร คนโลกสวยจะไม่คิดว่าเป็นปัญหาและไม่หาทางแก้ไข คนโลกสวยอาจจะบอกว่าปัญหามาก็อย่าไปเครียด เดี๋ยวก็ดีเอง “ถ้าทุกอย่างดีได้เอง จะจ้างแกมาทำไมให้เปลือง” 555 ใช่ค่ะ ในการทำงาน เราใจเย็นได้ขนาดนั้นจริงๆ ใช่ไหมคะ แต่คนคิดบวก จะมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้ พร้อมทั้งนำเสนอแนวทางที่เขาคิดว่ามันน่าจะทำได้ คนที่รู้ว่ามีปัญหา รู้ว่าปัญหานั้นใหญ่ แต่ไม่นำเสนอหนทางแก้ไข ยังไม่ใช่คนคิดบวกนะคะ เอาง่ายๆ ว่า ถ้าเราคิดบวก เราจะไม่กลัวที่จะพูดสิ่งที่เราคิดค่ะ เราจะไม่กล้าเมื่อเราคิดว่ามันจะไม่ดี มันจะต้องไม่ได้รับการยอมรับ มันจะผิด เราจึงไม่พูดออกมา
แต่ที่สำคัญก็คือ ไม่มีใครเป็นอะไรได้โดยสมบูรณ์
ดังนั้นโปรดอย่าตัดสินว่า ถ้าคนคนนั้น คิดลบบ้างในบางเรื่องแล้วเขาจะไม่สามารถคิดบวกได้เลย ยกเว้นคุณจะรอได้ รอจนกว่าจะเจอคนคนนั้น คุณก็รอไปก่อน แต่ถ้ารอไม่ได้ ให้คิดไว้ว่า หาคนที่มีส่วนผสมด้านบวกมากกว่าด้านลบ แล้วค้นหาเพิ่มเติมว่าด้านลบของคนคนนั้นจะถูกกระตุ้นด้วยสถานการณ์ใด เพราะแต่ละคนมักจะอดทนกับเรื่องราวต่างๆ ได้แตกต่างกัน ดังนั้นถ้าเรารู้ว่างานที่เราทำ คนที่เรามีเป็นแบบไหน ถ้าเป็นแบบที่จะทำให้คนคนนั้นเผยด้านลบออกมา ก็อย่าเลือกคนแบบนั้น ไม่ใช่แค่ Put the right man to the right job นะคะ แต่ต้อง to the right place ด้วยค่ะ
“เครื่องบินถูกสร้างมาจากคนคิดบวก ที่คิดว่าสามารถทำเรื่องที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ แต่เราจะนั่งเครื่องบินลำนั้นหรือไม่ ถ้ากัปตันประกาศว่าเครื่องบินลำนี้ไม่มีร่มชูชีพนะครับ”
เติมน้ำดี ในน้ำดี: เมื่อมีคนคิดบวก คิดดีมาร่วมงานแล้ว ต้องหมั่นเติมพลังด้านบวกให้คนเหล่านั้นอยู่เสมอด้วยนะคะ อย่าปล่อยให้คนคิดลบๆ มีอำนาจ หรือโอกาสมากกว่าคนดีๆ เพราะจะทำให้เกิดอาการฝ่อได้ ต้องสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี พูดคุยแต่เรื่องดีๆ ไม่ปิดกั้นโอกาส ไม่ตัดสินถูกผิดว่าใครเป็นคนคิด แต่ต้องถูกผิดเพราะผลที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น ต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า ผลงานสำคัญที่สุด ทุกคนสามารถคิดและทำอะไรก็ได้เพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จร่วมกัน #สำเร็จนะคะไม่ใช่แค่เสร็จเนอะ
“โลกไม่ได้ต้องการแค่คนคิดบวก” ใช่ค่ะ คุยกันมาถึงตรงนี้ สิ่งที่จะบอกคือ ไม่ใช่แค่คนคิดบวกนะคะที่มีความสำคัญ ในหลายครั้งคนที่คิดลบบ้าง (บ้างนะคะ ย้ำว่าบ้าง ไม่ใช่ตลอดเวลา) ก็ช่วยให้เรารอดพ้นจากการต้องเจอกับปัญหาใหญ่ได้ด้วยการป้องกันไว้ก่อน นั่นแปลว่า ในองค์กรต้องรู้ว่าควรจะจัดวางคนแบบไหนเอาไว้ตรงไหน เช่นคนที่ทำงานเรื่องการตรวจสอบ หรือการบริหารความเสี่ยงในองค์กร ถ้าไม่คิดลบบ้าง ก็ย่อมไม่เห็นว่างานไหน กระบวนการใดที่จะทำให้องค์กรเกิดปัญหาในอนาคตได้ เมื่อมองไม่เห็น ก็นำไปสู่ความประมาท และอาจจะเกิดผลร้ายแรงเกินกว่าที่จะรับมือได้
สิ่งที่พนักงานอย่างเราต้องทำความเข้าใจคือ เราต้องยอมรับว่าคนเราต่างมีข้อดี องค์กรที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่องค์กรที่มีแต่คนแบบเดียวกัน แต่ต้องเป็นองค์กรที่สามารถประสานคนที่แตกต่างกันให้ทำงานร่วมกัน เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้
เครื่องบินถูกสร้างมาจากคนคิดบวก ที่คิดว่าสามารถทำเรื่องที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ เราจึงมีเครื่องบินโดยสาร ที่ช่วยให้เราเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย แต่เราจะนั่งเครื่องบินลำนั้นหรือไม่ ถ้ากัปตันประกาศว่าเครื่องบินลำนี้ไม่มีร่มชูชีพนะครับ เพราะเรามั่นใจเหลือเกินว่าไม่จำเป็นต้องใช้
คนคิดบวกสร้างเครื่องบิน คนคิดลบประดิษฐ์ร่มชูชีพ ทั้ง 2 สิ่งล้วนสำคัญในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้น อย่าตัดสินคนที่ต่างจากเราว่าไม่ดี แต่จงโทษตัวเองว่าเราบกพร่องอะไรจึงไม่สามารถผสานตัวเองเข้ากับคนอื่นๆ ได้
#รักนะคะ
#เจ้าหญิงแห่งวงการ HR
ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai